‘ปอร์เช่ 718 สไปเดอร์ อาร์เอส’ สปอร์ตเปิดประทุน-เร็วน้องๆ จรวด

สันติ จิรพรพนิต

เดินทางเข้าสู่ปีที่ 75 แล้ว หนึ่งในสุดยอดรถสปอร์ตในฝัน “ปอร์เช่”

เพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญจึงเปิดตัวรถรุ่นใหม่ “ปอร์เช่ 718 สไปเดอร์ อาร์เอส” สปอร์ตเปิดประทุน โดยจะอวดโฉมอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้

ปอร์เช่เคลมว่านี่คือรถสปอร์ตโรดสเตอร์ตระกูล 718 ที่ให้อัตราเร่งเร็วและทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ตัวถังด้านหน้าของ ปอร์เช่ 718 สไปเดอร์ อาร์เอส ใหม่ มีเอกลักษณ์ที่แทบจะไม่แตกต่างจาก 718 เคย์แมน จีทีโฟร์ อาร์เอส ฝากระโปรงหน้าผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) เพิ่มขนาดของช่องอากาศบนกันชนหน้าให้ใหญ่ขึ้น

ครีบดักอากาศ NACA ทั้งสองฝั่ง ทำหน้าที่ระบายความร้อนให้แก่ระบบเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อค่าสัมประสิทธ์แรงเสียดทาน

ลิ้นสปอยเลอร์หน้ามีขนาดสั้นกว่าของ 718 เคย์แมน จีทีโฟร์ อาร์เอส เล็กน้อย ประสานการทำงานกับปีกหลังขนาดใหญ่ สามารถสร้างแรงกดโดยรวมสูงกว่ารุ่น เคย์แมน

ส่งผลให้รูปทรงของ 718 สไปเดอร์ อาร์เอส มีเหลี่ยมมุมที่เฉียบคมในสไตล์ ducktail

อีกจุดเด่นไม่พ้นหลังคาประทุนแบบ soft-top น้ำหนักเบาพิเศษ ควบคุมการทำงานด้วยระบบกลไก ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนหลัก 2 ชิ้น ได้แก่ แผงบังแดด sun shield และแผ่นกันลม weather deflector

อุปกรณ์ทั้งคู่สามารถถอดประกอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังสามารถจัดเก็บรวม หรือแยกจากกันเอาไว้ในรถได้อย่างกลมกลืน และยังสามารถเลือกใช้เพียงแค่แผงบังแดด sun shield เพื่อเป็นหลังคาแบบ “Bimini top” สำหรับป้องกันแสงแดดให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารได้อีกด้วย

โครงสร้างหลังคา รวมทั้งชิ้นส่วนกลไกมีน้ำหนักเพียง 18.3 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่เบากว่า 718 สไปเดอร์ ถึง 7.6 กิโลกรัม และเบากว่า 718 บ๊อกสเตอร์ ถึง 16.5 กิโลกรัม

ดุดันด้วยล้อ forged aluminium ขนาด 20 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารลดฟังก์ชั่นที่ไม่จำเป็น และเพิ่มการใช้งานที่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ พวงมาลัย RS sports หุ้มด้วยวัสดุ Race-Tex พร้อมมาร์กแถบสีเหลืองที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา

เบาะนั่ง full bucket seats น้ำหนักเบาจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) ในลวดลาย carbon-weave รองรับสรีระของผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว

ตัวเบาะหุ้มด้วยหนังแท้สีดำ ขณะที่ช่วงกลางของเบาะหุ้มด้วยวัสดุ Race-Tex เลือกได้ทั้งสีเทา Arctic Grey หรือสีแดง Carmine Red

มีตราสัญลักษณ์ “Spyder RS” ประทับบนหมอนรองศีรษะด้วยสีเดียวกับตัวเบาะ

แผงคอนโซลและชิ้นงานตกแต่งภายในหุ้มด้วยหนังแท้ มีคุณสมบัติลดแสงสะท้อน

ขุมพลังเครื่องยนต์รอบสูงที่ไร้ระบบอัดอากาศ ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากปอร์เช่ 911 GT3 เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ 6 สูบ ความจุ 4.0 ลิตร กำลังสูงสุด 500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร

ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ (PDK) 7 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 3.4 วินาที ทำความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยเวลาเพียง 10.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 308 กิโลเมตร/ชั่วโมง

เมื่อเทียบกับ 718 สไปเดอร์ รุ่นธรรมดา มีพละกำลังที่เพิ่มขึ้นถึง 80 แรงม้าแล้ว อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เร็วกว่าครึ่งวินาที

ระบบเกียร์ Paddle Shift ช่วยให้ทั้งสองมือของผู้ขับขี่สัมผัสกับพวงมาลัยอยู่ตลอดแม้ขณะเปลี่ยนเกียร์แบบ manual ก็ตาม นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้จากคันเกียร์บริเวณคอนโซลกลาง ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์

นอกจากเครื่องยนต์อันทรงพลังแล้วยังมีน้ำหนักตัวรวมอยู่ที่ 1,410 กิโลกรัม เบากว่า 718 สไปเดอร์ รุ่นธรรมดาที่ติดตั้งระบบเกียร์ PDK ถึง 40 กิโลกรัม และยังเบากว่า 718 เคย์แมน จีทีโฟร์ อาร์เอส ถึง 5 กิโลกรัม

ระบบช่วงล่างใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ 718 เคย์แมน จีทีโฟร์ อาร์เอส และ 718 สไปเดอร์ มาพร้อมระบบควบคุมการทำงานของช่วงล่าง Porsche Active Suspension Management (PASM) ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานมากับตัวรถ ซึ่งได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ โดยลดระดับความสูงลง 30 มิลลิเมตร

เสริมด้วยระบบ Porsche Torque Vectoring (PTV) และเฟืองท้าย limited-slip differential รวมทั้ง ball-jointed suspension bearings

“ปอร์เช่ 718 สไปเดอร์ อาร์เอส ใหม่” ราคาเริ่มต้น 16,500,000 บาท

ปิดท้ายด้วยรถเล็กเปิดประทุนอีกรุ่นคือ “มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล” สปอร์ตเปิดประทุน 4 ที่นั่งรุ่นพิเศษ “Seaside Edition” ฉลองครบรอบ 30 ปี

ดีไซน์พิเศษทั้งภายนอกและภายในตัวรถ เส้นสายคู่ขนานสีขาวที่ทอดยาวพาดผ่านประตูไปจนถึงท้ายรถ ลวดลายกราฟิกไม่ซ้ำใครที่บริเวณกันชนหน้า มาพร้อมดีไซน์ตัวเลข 30 ตัวถังมีมาให้เลือกใน 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Caribbean Aqua ที่เสริมความโดดเด่นโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต และสีขาว Nanuq White ที่ให้ความรู้สึกหรูหราสง่างาม

กรอบไฟเลี้ยวด้านหน้าดีไซน์พิเศษ มาพร้อมการออกแบบคำสลัก “Seaside” เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 30 ปีของรุ่นรถยนต์ และดีไซน์กราฟิกตัวเลขในโทนสีน้ำเงินอ่อนและเข้ม

หลังคาสีดำแบบซอฟต์ เปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยไฟฟ้า ที่ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ภายในตกแต่งด้วยแถบสีขาวสองเส้นขนานกันที่บริเวณประตู พร้อมอักษรตกแต่งคำว่า Seaside เบาะนั่งบุด้วยหนังสีดำ Carbon Black

ด้านล่างของพวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa ยังสลักด้วยตัวอักษร Seaside

ล้ำสมัยไปด้วยระบบปฏิบัติการ MINI operating system ใหม่ล่าสุด ระบบความบันเทิงภายในรถประกอบไปด้วยการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนผ่าน Apple CarPlay หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว

เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร กำลังสูงสุด 192 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที ทำงานควบคู่ระบบเกียร์ Steptronic Sport 7 จังหวะแบบคลัตช์คู่ เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 7.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง

“มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล” Seaside Edition ราคา 3,090,000 บาท พร้อมแพ็กเกจบำรุงรักษา MSI Standard

เปิดรับจองในจำนวนจำกัดทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคมนี้ ที่ https://minionlinesales.com

 

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]