ปรุงในครัวทัวร์นอกบ้าน : ความจำสีรุ้ง บ้านสวนธรรม (5)

คอลัมน์ ปรุงในครัวทัวร์นอกบ้าน//แม่หวาน ละมุนมัม

แกร๊ก แกร๊กๆ

เสียงก้อนหินกระทบหลังคาลอนคู่ใสโปร่งแสงหน้าบ้านสวนธรรมอย่างต่อเนื่อง

เอ…เสียงอะไรหนอ? ฉันได้แต่คิดไปเรื่อยๆ หาได้สงสัยอะไรทั้งสิ้น เพราะตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่สวนธรรม ฉันก็พยายามไม่คิดมาก ไม่คิดลึก ได้แต่บอกตัวเองว่าเป็นเสียงธรรมชาติมาโดยตลอด

แต่วันหนึ่งก็ทนไม่ไหว เมื่อรับลูกกลับมาจากโรงเรียนแล้วเห็นก้อนหินก้อนเล็กก้อนน้อยเกลื่อนทางเดินเข้าบ้าน ฉันจึงเปรยถามลูกด้วยความสงสัย

–เศษก้อนหินจากไหนกันคะเยอะแยะมากมายเช่นนี้

เราแม่ลูกได้แต่มองหน้ากันอย่างงุนงง และพยายามหาสาเหตุ หาต้นเหตุของการมาของก้อนหินบนทางเดิน หลังจากเราทั้งสองเดินเข้าเดินออกป้วนเปี้ยนกันสักพัก

 

–เด็กๆ จากฟากโน้นมันขว้างกันมา บางคนก็ใช้หนังสติ๊กยิงเข้ามา ฉันก็นั่งมองมันอยู่นี่แหละ นี่มันเพิ่งหยุดไปนะ

ลุงที่ฉันจ้างมาทำสวนรายงานฉันด้วยท่าทีที่ไม่ตื่นเต้น ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย แกนั่งพักอยู่บนก้อนหินใหญ่ใต้ต้นมะขามเอามือหยาบกร้านดำล้วงไปในกระเป๋าเสื้ออย่างผ่อนคลายแล้วหยิบบุหรี่มามวนหนึ่งค่อยๆ จุดสูบอย่างช้าๆ อย่างสบายอารมณ์

–อ้าวแล้วลุงไม่บอกเด็กๆ เลยเหรอคะว่าอย่าขว้างปาก้อนหินเข้ามาในบ้าน

ฉันแอบผิดหวังเล็กน้อยที่จ้างคนสวนเช่นนี้มาทำงาน

–ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเศษหินมาจากไหนทีนึงระดมมาเป็นสิบเม็ด ฉันจึงแกล้งเดินไปทำงานที่สวนผักหลังบ้านแล้วค่อยแอบลงมาดูพวกมัน ไอ้พวกนี้มันเป็นเด็กๆ มันแอบอยู่ตรงพุ่มหญ้า พุ่มไม้ตรงโน่นแน่ะ

ลุงชี้ยาวไปอีกฝั่งของรั้วบ้าน ฝั่งด้านขวาของฉันที่เป็นที่ดินเปล่าประมาณ 5 ไร่ ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นทางผ่าน ทางเดินของชุมชนไม่กี่หลังคาเรือนที่อยู่ติดกับภูเขา

–มันมากัน 7-8 คน พอมันเห็นฉันมันก็วิ่งไปแอบในพุ่มไม้อีก ฉันเลยมานั่งดูมันขว้างก้อนหินกันใต้ต้นมะขามนี่แหละ

เออ…หนอ คนเรา เฮ้อ…ฉันได้แต่ปลง

คงไม่มีประโยชน์ในการเอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ ทั้งสิ้นกับลุงอีกแล้ว ฉันจึงยิ้มให้ลุงก่อนควักกระเป๋าหยิบเงินค่าแรงรายวันจ่ายให้ลุงอย่างรวดเร็วพร้อมโบกมือลา ถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกยาวๆ ทำซ้ำๆ สักพักก็ช่วยผ่อนคลายได้พอสมควรในยามนี้

 

–ชุมชนแถวนี้สุดยอด ทั้งยา ทั้งขโมย คนใหม่ไม่มีใครมาอยู่ได้หรอก

–อะไรๆ ก็ดีนะหวาน เว้นแต่เรื่องคนอาศัยนั่นแหละน่ากลัวหน่อย

–อยู่ไหวเหรอ? กลับกรุงเทพฯ ไปดีกว่าไหม?

คำกล่าวเล่าลือ คำปรารถนาดีจากผู้หลักผู้ใหญ่สาดใส่หูฉันทุกวี่ทุกวัน ตั้งแต่วางแผนมาอยู่สวนธรรม

–ซื้อปืนเลย เดี๋ยวพาไป ต้องมีติดบ้านนะ กันไว้ก่อน

–สร้างรั้วสูงไว้เลย กันไว้

–กล้องวงจรปิด สัญญาณกันขโมยติดเข้าไปเถอะกันเหนียวไว้ก่อน

คือ…ฉันมาที่นี่ตรงหุบเขานี้ ฉันมาดี…ฉันตั้งใจดี และฉันก็ไม่อยากมีปัญหากับใคร ฉันไม่เคยทำตัวกร่าง เว่อร์ ไฮโซแม้แต่น้อย ถึงแม้บ้านสวนธรรมอาจจะดูใหญ่โตในสายตาชาวบ้านบางคน แต่ฉันก็อยู่แบบเขา อยู่แบบพอเพียง ไม่เคยเอารัดเอาเปรียบใคร อะไรยอมได้ฉันยอมก่อนตลอด

ดังนั้น ฉันจึงไม่สร้างรั้วสูงหนาทึบ และไม่มีปืน

 

–วันก่อนอดีตนายกเอารถยนต์มาจอดหน้าบ้านที่ติดๆ กับรั้วพี่นั่นแหละ ไม่ถึงชั่วโมงล้อหายไปถึง 2 ล้อเลยนะ เห็นว่าอีกล้อนึงตั้งอยู่บนรั้วตรงนั้นหลังบ้านพี่นั่นแหละ

ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในชุมชนและเพื่อนๆ พากันมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ของชุมชนให้ฉันฟัง

–มันอวดรวยขับรถปาดมอเตอร์ไซค์ชาวบ้านเลยนะ เป็นไงละเจอของจริงเข้าไปแล้ว

เพื่อนผู้ช่วยท่าทางนักเลง สวนขึ้นเหมือนรู้เห็น และอยู่ในเหตุการณ์

–รู้เหรอคะ ว่าใครทำ?

เธอมองหน้ามองหลัง มองรอบๆ แล้วก็มากระซิบที่หูฉัน

– “…”

พี่อย่าไปบอกใครนะ ฉันตายแน่

ฉันอดนึกขำไม่ได้ เนื้อที่บริเวณบ้านก็กว้างขวาง คนรอบๆ ก็เพื่อนๆ ของเธอที่รู้เรื่องพอๆ กันทั้งนั้น แต่เธอก็ยังต้องกระซิบ แล้วฉันก็นึกออกในช่วงที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ฉันเคยถูกอดีตนายกคนนี้เตือนว่า

–แถวนี้มันอย่างที่รู้นะ มันเหี้ย มันขี้ลัก ขี้ขโมย อย่าให้เจออีกนะผมยิงมันไส้แตกแน่ ไอ้พวกชั้นต่ำ สถุล คุณอย่าไปยุ่งกับพวกมันนะ

ฉันรับฟังทั้งสองด้านไม่ได้อิงด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ แต่จะชอบเรื่องราวของผู้ช่วยที่มาเล่าให้ฟังมากกว่า

–บ่อน้ำนี้พวกหนูมากระโดดเล่นกันตั้งแต่เด็ก บ่อนึงเอาไว้กิน อีกบ่อเอาไว้เล่น

–น้ำในบ่ออร่อยมากนะ ใครๆ ในชุมชนนี้ก็ต้องมาเอาไปกินกัน

เรื่องกฎหมายก็มี

–เมื่อก่อนพวกหนูทำนากันบนที่ราบด้านล่าง ทหารเค้ายึดที่เลยไล่เราขยับขึ้นเขามาเรื่อยๆ

–ที่ดินแถวนี้ไม่มีใครอยากได้เลยพี่ พวกเราชาวบ้านชอบที่ราบกันมากกว่า

–พวกหนูไม่มีโฉนดกันนะ ตอนที่ให้จับจองเราไม่เก่งเรื่องเอกสาร

–พวกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจองที่สวยๆ ดีๆ แล้วทำโฉนดกันหมดเลย สบายไปแล้ว มีแต่พวกเราที่ลำบาก

นี่ก็ไม่รู้จะโดนไล่ที่อีกเมื่อไร?