จดหมาย

ฉบับประจำวันที่ 25-31 มีนาคม 2565 ฉบับที่ 2171

 

จดหมาย

 

• ตีความ

เรียนบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์

พอถึงหน้าสงกรานต์ มักจะมีการเปรียบว่าถนนสีขาว

ควรจะใช้ว่า ถนนปลอดภัย ดูจะตรงกว่า

เพราะเกิดใครคิดว่าถนนสีขาวจริงๆ รถจะวิ่งอย่างไร เพราะสีขาวสะท้อนแสง วิ่งไม่ได้หรอก

เหมือนคำว่า แก้บน เด็กบางคนยังคิดว่าถอดเสื้อ ทำไมไม่มี “แก้ล่าง” บ้าง

เหมือนคำว่า “เบาหวาน” ทำไมไม่ใช้คำว่า “ปัสสาวะหวาน” เมื่อมีเบาหวาน ทำไมไม่มี “หนักหวาน”

และชื่อกระทรวงการอุดมศึกษา ที่ต่อเสียยาวยืด คนตั้งแทบจำไม่ได้

และคำว่า นวัตกรรม ก็หมายถึงใหม่ ทำไมจะต้องพูดว่านวัตกรรมใหม่

ทำไมจึงชอบทำให้ยากขึ้น

ท่านลองผวนคำว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ว่าตัวเต็มหรือตัวย่อ ผู้หญิงเป็นไม่ได้

ตะวันรอน

อ.ลอง จ.แพร่

 

ป.ล. ปัจจุบันนี้ดูข่าว อ่านหนังสือ มีเรื่องใส่ร้ายผู้อื่น และการเป็นพยานเท็จมากมาย

ทางศาสนาคริสต์ บัญญัติ 10 ประการ ข้อ 9 ระบุว่า อย่าเป็นพยานเท็จ

ศาสนาพุทธ พูดเท็จ มุสา คือ ศีลข้อ 4

การใส่ร้ายคนอื่นโดยเขาไม่ผิด บาปมหันต์ เป็นผลทันตาเห็น

ที่พูดแบบนี้เพราะผมทำงานผ่านมาเกือบ 30 ปี ไม่ยอมให้การเท็จ

เคยขึ้นศาลครั้งเดียวเมื่อปี 2516 ก็ไม่ยอมให้การปรักปรำใคร และจนบัดนี้ ก็ปฏิบัติเช่นนี้ตลอด

มีความสุขมาก กินได้ นอนหลับ ถูกหวยบ่อย

 

สังคมไทย ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ

เป็นสังคมแห่งการตีความ

นำไปสู่การตีความ อย่างที่ตะวันรอนตั้งเป็นปุจฉามานั่นแหละ

จะมองให้ขัน ก็ขัน

จะให้ขื่น ก็ขื่น

บางเรื่อง กำหนดไว้ชัดๆ

ยังถูกตีความไปให้บิดเบี้ยวไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ยิ่งมีพยานมาคอยให้การเท็จ หรือเป็นอื่น

ก็ยิ่งยุ่ง

ไม่ว่าการบ้าน กรณีแตงโม หรือการเมืองอีกหลายประเด็น

 

• เศรษฐกิจ “เทา”

เรียนบรรณาธิการคอลัมน์จดหมาย

ปัจจุบันนี้ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำสุดๆ

ข้าวยากหมากแพง สินค้าแพง ค่าแรงถูก รวยกระจุก จนกระจาย

การคลังสีเทาระบาด เช่น เงินจากการค้ายาเสพติด การค้าประเวณีให้ชาวต่างชาติ สินค้าหนีภาษีเกลื่อนเมือง ดูดเงินจากเศรษฐีที่เก็บเงินออมอยู่ห้องใต้ดินออกมาสะพัด

นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ดีใจว่า เอาอยู่ ขออยู่ครบเทอม

พิโธ่ถัง เป็นทหารทั้งชีวิตมีความรู้ทางเศรษฐกิจกระนั้นหรือ

ครั้งหนึ่งเคยพูดว่า คนจนไม่เสียภาษี เด็กๆ หัวเราะจนท้องแข็ง

นึกว่านายกฯ เล่นมุขตลก ฉลาดแบบ 84,000 เซลล์สมอง

ส่วนกระผมวิ่งของานพรรคพวกรับสอนหนังสือพิเศษทั่วประเทศตามมหาวิทยาลัย

จึงได้พบเห็นพรหมจรรย์…สาวเจ้า มากมาย ขอสาธยายดังนี้

 

ธุรกิจทางเพศมากเหตุผล

ประกวดโฉมเพื่อตนปนกำหนัด

อวัยวะละส่วนล้วนแจ่มชัด

เริงลีลาสารพัดอย่างจัดเจน

ชิงประชันขันแข่งการแต่งหน้า

เขียนคิ้วปากน้อยเลิศลอยเด่น

ผมสลวยสวยงามตามกฎเกณฑ์

ยิ้มแย้มเล่นลูกตาอวดขาเรียว

มุ่งหวังแต่ตำแหน่งแห่งลาภยศ

เกียรติปรากฏก่ายกองย่อมข้องเกี่ยว

เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญเงินตัวเดียว

สุดรั้งเหนี่ยวสิ่งนี้ดีหรือเลว?

ภาพทรงจำธรรมเนียมเหลี่ยมเล่ห์ลึก

จิตสำนึกผู้คนสู่ก้นเหว

ถูกมอมเมาเขลาลงหลงไฟเปลว

เผาความคิดพังผุเป็นธุลี

เวทีนางสาวทาสจึงกลาดเกลื่อน

คาวน้ำกามแปดเปื้อนเบือนศักดิ์ศรี

อ้างคุณค่าอารยะประเพณี

แท้จริงคืออเวจีสีชมพู

คำสมอ้างบ่างปะทุกประโยค

อุปโลกย์ความเห็นต่างเป็นอยู่

ผลิตนางงามตามใบสั่งพร้อมพรั่งพรู

มงกุฎหรูแฝงกักขระ…เอือมระอา

 

สาวตกรอบรวยทางลัดนัดเสี่ยเลี้ยง

กลเม็ดกลมเกลี้ยงเพียงเชิดหน้า

เมียเก็บก็ยังดีรับตีตรา

กลายเป็นค่านิยมสังคมแล้ว

บ้างขายตัวลานตาอยู่เต็มตู้

รอนักเที่ยวเปิดประตูสู่ห้องแก้ว

สัมฤทธิผลมนต์เตลิดเฉิดฉายแวว

พิศพริ้มเพราเพริศแพร้วพริ้งแพรวพราย

สาวงามเมืองเฟื่องฟูดูดื่นดาษ

ประมูลตัวเหมือนตลาดนัดซื้อขาย

วัฏจักรผลักดันผันกรุยกราย

อวดปั้นท้ายยั่วยวนชวนโลกีย์

สังคมมืดมองทางไหนพร่าไปไปหมด

ฟ้ากำสรวลดินกำสรดการกดขี่

พ่อแม่สาวซับน้ำตามาหลายปี

ตัวฉันนี้อับอายขายหน้าแทน

สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ

 

ไม่อยากให้โทษฝ่าย “ขาย” เพียงฝ่ายเดียว

หากเศรษฐกิจดี คนท้องอิ่ม

คงไม่มีใครอยากทำ “ธุรกิจ” เรือนร่างนั้น

แต่ในภาวะ “ฟ้ากำสรวลดินกำสรดการกดขี่”

จึงนำไปสู่ปัญหาที่ “สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ” สะท้อนมา •