จดหมาย ฉบับประจำวันที่ 10 – 16 กันยายน 2564

จดหมาย

 

บน “หิ้ง”

 

ในขณะที่ประชาชนกำลังโศกเศร้ากับความทุกข์ยากในการดำรงชีวิต

เนื่องจากพิษร้ายของเศรษฐกิจ

ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

เราจะต้องเปลี่ยนวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส

โดยใช้ธรรมะเป็นยาวิเศษ

ให้ประชาชนได้เห็นคุณของพระธรรมในทางปฏิบัติให้ได้

เรียนมาเพื่อทราบด้วยความนับถือ

ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์

ป.ล.อย่าเอาพระธรรมไว้บนหิ้งบูชาอย่างเดียว

 

ตรง ป.ล.นี่แหละเป็นประเด็น

ที่ถกเถียงกันร้อนแรง ทั้งในและนอกวัด

เมื่อ 2 พส. พระมหาไพรวัลย์ และพระมหาสมปอง

ออกมาไลฟ์เฟซบุ๊กพูดคุยกับญาติโยมในสไตล์แบบนอกธรรมาสน์

เกิดเป็นข้อถกเถียงเผ็ดร้อน ว่านี่เป็นการลงจาก “หิ้ง”

มาสอนธรรมญาติโยมหรือเปล่า

ซึ่งก็มีท่าทีทั้งสองข้าง

คือพร้อมเปิดกว้าง และคัดค้าน

ไม่รู้ว่าที่สุดจะออกมาทางไหน

จะสุดขั้ว ที่ทำให้หิ้งที่สูงอยู่แล้ว

ถูกสั่งให้ล้อมรั้วเข้มงวดขึ้นไปอีกรึเปล่า–ติดตามกันต่อไป

 

บน “ถนน”

 

จดหมายเปิดผนึก

ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เราเขียนจดหมายเพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงและการใช้กำลังเกินสัดส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการประท้วงที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ

และยังกังวลกับการคุมขังผู้นำประท้วงตามอำเภอใจ

โดยผู้นำการชุมนุมเหล่านี้เพิ่งถูกตั้งข้อหาอาญาเพิ่มเติม ถูกปฏิเสธการให้ประกันตัว และถูกคุมขัง

ประเทศไทยจำเป็นจะต้องดำเนินการมากกว่านี้เพื่อปกป้องผู้ประท้วงจากความรุนแรง

และทำให้แน่ใจว่าประชาชนสามารถใช้สิทธิการชุมนุมโดยสงบได้อย่างปลอดภัยในช่วงการระบาดของ COVID-19

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งตำรวจควบคุมฝูงชนและผู้ชุมนุม มีส่วนทำให้เกิดความรุนแรงในการชุมนุมทางการเมือง

ในเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียว ตำรวจได้ใช้กำลังสลายการประท้วงโดยใช้กระสุนยาง ปืนฉีดน้ำ และแก๊สน้ำตาอย่างน้อยสิบครั้ง

โดยที่ผู้ชุมนุมได้ขว้างก้อนหินและระเบิดขวด ยิงพลุ และใช้ไม้ง่ามหนังสติ๊กยิงหัวน็อตใส่ตำรวจควบคุมฝูงชน

การปะทะหลายครั้งเกิดขึ้นบริเวณสี่แยกดินแดงใกล้กับกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์

การชุมนุมเหล่านี้มีเยาวชนเป็นผู้เข้าร่วมหลัก โดยผู้ชุมนุมจำนวนมากมีอายุต่ำกว่า 18 ปี

ทั้ง 13 องค์กรระหว่างประเทศมองว่า มาตรการควบคุมฝูงชนและมาตรการอื่นๆ ที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย มักละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ชุมนุม

อีกทั้งละเมิดมาตรฐานสากลเกี่ยวกับการควบคุมฝูงชน

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมแบบไม่เลือกหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จากฟุตเทจวิดีโอจากการชุมนุมเมื่อไม่นานมานี้

แสดงให้เห็นว่าตำรวจควบคุมฝูงชนขึ้นไปยิงกระสุนยางบนทางด่วน ซึ่งเป็นระยะที่ไกลเกินกว่าจะยืนยันได้ว่าบุคคลที่ใช้ความรุนแรงนั้นเป็นเป้าหมายของการควบคุมฝูงชนตามมาตรฐานสากล

อีกทั้งยังปรากฏในวิดีโออื่นๆ ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงกระสุนยางใส่บุคคลที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านในระยะกระชั้นชิด

อีกทั้งยังมีรายงานว่านักข่าวที่แสดงตัวชัดเจนว่าเป็นสื่อมวลชนถูกยิงด้วยกระสุนยางในการรายงานข่าวชุมนุมด้วย

ดังนั้น เพื่อบรรลุพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย

ทั้ง 13 องค์กรจึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยไม่เพียงแต่ยุติการปราบปรามผู้ชุมนุม

แต่ยังต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้ออำนวยให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและเสรีภาพในการแสดงออกในบริบทการระบาดของโควิด-19

นอกจากนั้น ยังเรียกร้องรัฐบาลไทยให้รับรองว่า เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายที่ใช้กำลังต่อผู้ชุมนุมต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดเท่านั้น

ทั้ง 13 องค์กรขอขอบคุณที่รัฐบาลไทยให้ความสนใจต่อประเด็นและข้อเสนอแนะในจดหมายฉบับนี้

และยินดีเป็นอย่างยิ่งหากมีโอกาสที่จะได้ช่วยเหลือและสนับสนุนรัฐบาลไทยในการปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย

1) Amnesty International 2) ARTICPE 19 3) ASEAN Parliamentarians for Human Rights 4) Asia Democracy Network (ADN) 5) Asian Forum for Human Rights and Development (FORUM-ASIA)

6) Asian Network for Free Elections (ANFREL) 7) Civil Rights Defenders 8) CIVICUS : World Alliance for Citizen Participation 9) FIDH – International Federation for Human Rights 10) Fortify Rights

11) Human Rights Watch 12) International Commission of Jurists 13) Manushya Foundation

 

เมื่อ “สภา” ไม่ใช่ที่ให้คำตอบ

และไม่ใช่เป็น “ทางออก” ทางการเมืองได้

การเมืองนอกสภา ย่อมรุนแรงขึ้น

รุนแรงทั้งจากผู้ชุมนุม

และรุนแรงจากผู้ควบคุมการชุมนุม

จึงอยากลง “จดหมายห่วงใย” ฉบับนี้

อาจดูจะมุ่งปกป้องผู้ชุมนุมบ้าง

แต่เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีอาวุธ มีกำลัง มีกฎหมายครบถ้วน

เหนือผู้ชุมนุมอยู่แล้ว การปฏิบัติงานจึงควรระวัง

ไม่ใช้อำนาจที่มีมากอยู่แล้วเกินขอบเขต