จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 7-13 มิถุนายน 2562

จดหมาย

0 เก่าสู่ใหม่ (1)

สวัสดีครับ บ.ก.

ขอฝากกำลังใจส่งผ่านมติชนสุดสัปดาห์

ไปยังคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่

ในวันที่ต้นไม้แห่งประชาธิปไตยที่ชื่อ อนาคตใหม่ ถูกไฟแห่งความอยุติธรรมแผดเผา

ต้นไม้ต้นนี้ ได้หย่อนเมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตยลงบนผืนแผ่นดินนี้หลายล้านเมล็ด

แม้จะมีผู้มีอำนาจ (โดยมิชอบ) พยายามตัดตอนต้นประชาธิปไตยให้แคระแกร็นมาโดยตลอด

แต่ต้นไม้แห่งประชาธิปไตย ก็ยังคงยืนหยัดสู้กับอำนาจเผด็จการมาได้

แม้บอบช้ำ แต่ก็ยังคงอยู่

อนาคตใหม่จะไม่เดินเดียวดาย

ยังมีต้นประชาธิปไตยอย่างน้อยอีก 6 สายพันธุ์ พร้อมต้นอ่อน และเมล็ดพันธุ์อีกหลายล้านต้น หลายล้านเมล็ดของต้นไม้เหล่านั้น

ที่จะยืนหยัดเดินอยู่บนถนนสายประชาธิปไตยไปพร้อมกับอนาคตใหม่

ขอเพียงอนาคตใหม่จะยังคงมีศรัทธา มีความกล้าหาญ ไม่สั่นคลอน

เราเหล่าต้นไม้ ต้นอ่อน เมล็ดพันธุ์ แห่งประชาธิปไตยทุกสายพันธุ์จะเดินไปด้วยกัน

เพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตย (ของแท้มีแบบเดียว ไม่มีระบอบประชาธิปไตยแต่เปลือกปลอมๆ เช่น ประชาธิปไตยแบบพนมเปญ แบบเนปิดอว์ หรือแบบบางกอก)

จเร

ป.ล. ขอประณามองค์กรอิสระ (ที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนเลย)

และองค์กรใดก็ตามที่คอร์รัปชั่นต่ออำนาจ

ใช้อำนาจที่ได้รับเป็นเครื่องมือ

เพื่อประโยชน์เฉพาะคนบางกลุ่มอย่างไร้ความยุติธรรม

ไร้จริยธรรม ไร้จรรยาบรรณ

ไร้อุดมการณ์ ไร้ประสิทธิภาพ

ไร้ศักดิ์ศรี ไร้ความกล้าหาญ ไร้ยางอาย ฯลฯ

เพื่อผลประโยชน์แห่งตน และผู้ว่าจ้างที่ตั้งกลุ่มองค์กรเหล่านี้มาด้วยภาษีของประชาชน

 

กระแสรัก

กระเกลียด

กระแสกลัว

กำลังบ่าทะลักไปสู่พรรคอนาคตใหม่ และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ก่อทั้งผลดี และไม่ดี

ถือเป็นการพิสูจน์ความสำเร็จ “ข้ามคืน” ของ “ผู้มาใหม่”

ว่าจะเป็นของจริงเพียงใด

ยั่งยืนขนาดไหน

 

0 เก่าสู่ใหม่ (2)

 

เมื่อเร็วๆ นี้

ประเทศไทยได้สูญเสียนักปราชญ์ที่สำคัญคนหนึ่ง

คือ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร

ท่านผู้นี้มีความรู้ ความสามารถ

ถึงขนาดได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานแก้ไขประวัติศาสตร์ไทย

ในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ได้มีนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง ประกอบด้วยอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ จำนวน 120 คน

เข้าชื่อกันเรียกร้องให้มีการแก้ไขประวัติศาสตร์ไทยเสียใหม่

โดยระบุว่า ประวัติศาสตร์ไทยตั้งแต่กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นถอยหลังย้อนไป

ผิดพลาดมาก

ดังนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานท์ จึงได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง จำนวน 23 คน

เรียกว่าคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ โดยมีศาสตราจารย์ ดร.ประสริฐ ณ นคร เป็นประธาน

เมื่อดำเนินการแก้ไขไปได้เพียงครึ่งเดียว

ก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อีก

เพราะถูกผู้มีอำนาจกลุ่มหนึ่งคัดค้าน

โดยอ้างเหตุผลดังต่อไปนี้

1) ถ้าประชาชนรู้ความจริง จะหมดความเชื่อถือในสถาบันสำคัญของชาติ

2) หมดความภาคภูมิใจในชาติของตนเอง

ทั้ง 2 ข้อนี้ เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ

ประวัติศาสตร์ไทยความจริงเป็นอย่างไร

ควรเก็บเอาไว้รู้กันเฉพาะคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

ดังนั้น พวกที่อยากให้มีการเรียนประวัติศาสตร์ในโรงเรียน ฟังเรื่องนี้ไว้บ้างก็คงจะดีไม่น้อย

ขอแสดงความนับถือ

กังวาล

 

ไม่อาจยืนยันในประเด็นที่ “กังาล”

นำมาเล่าสู่กันฟังได้

แต่ก็น่ารับฟัง

ฟังเพื่อที่จะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างว่า

“สิ่งใหม่” กว่าจะเกิดขึ้นมาได้

ไม่ง่าย ต้องทะลวงสิ่งเก่า

ทลายกำแพงชาตินิยมแบบสุดขั้ว สุดติ่ง

โดยเฉพาะสายอนุรักษ์เข้มข้น อะไรก็ตามอย่ามากระทบ “การรักชาติ”

เป็นเด็ดขาด!!