ปัญหา PM 2.5 ที่ภาคเหนือ : ด้วยความปรารถนาดีถึงท่านนายกฯ

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม สำนักพิมพ์มติชนจัดงานเสวนา “The Lost Forest : ประวัติศาสตร์รสขมและปมปัญหาของสิ่งแวดล้อมไทย” เพื่อเปิดตัวหนังสือชื่อ “The Lost Forest : ประวัติศาสตร์ (การทำลาย) สิ่งแวดล้อมไทยและสงครามแย่งชิงทรัพยากร” ของ “วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์” นักเขียน-สื่อมวลชนที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมายาวนาน

ในเวลาเดียวกัน นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ก็กำลังเดินทางขึ้นไปปฏิบัติภารกิจที่เชียงใหม่และหลายจังหวัดภาคเหนือตอนบน ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับปัญหามลพิษทางอากาศอย่างหนักพอดี

จึงไม่แปลกที่สื่อด้านสิ่งแวดล้อมรุ่นเก๋าอย่างวันชัยจะตั้งข้อสังเกตบางประการ รวมทั้งฝากข้อเสนอแนะไปยังท่านนายกฯ ด้วยความปรารถนาดีและซื่อตรง ดังเนื้อหาบางส่วนต่อไปนี้

“The Lost Forest : ประวัติศาสตร์ (การทำลาย) สิ่งแวดล้อมไทยและสงครามแย่งชิงทรัพยากร” ของ “วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์”

“วันก่อน ท่านนายกฯ ไปเชียงใหม่ เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่อากาศเลวร้ายที่สุดในโลกอันดับหนึ่ง ภาพที่ออกมาคือท่านนายกฯ ก็ขี่จักรยาน ในขณะที่ถ้าเป็นนายกฯ จริงๆ ก็ควรจะใส่หน้ากาก แล้วบอก (ชาวเชียงใหม่) ว่าอย่าเพิ่งออกกำลังกายกลางแจ้ง มันเป็นปัญหาสุขภาพอย่างมาก

“อันนั้นมันก็เป็นตัวชี้วัดว่า ความเข้าใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมของท่านนายกฯ ดีขนาดไหน ท่านก็บอกว่าวันนี้เอาหน้ากากมาแจกประชาชนชาวเชียงใหม่สองล้านชิ้น ผมคิดว่าการแจกมันไม่ได้แก้ปัญหาอะไร เขาก็อยากจะเห็นฝีมือในการแก้ปัญหามากกว่านี้

“แต่สำคัญกว่าการแก้ปัญหาคือว่านายกฯ เข้าใจปัญหาจริงๆ หรือเปล่า? ในเรื่องของ PM 2.5 ถ้าท่านเข้าใจจริงๆ ท่านก็คงไม่ขี่จักรยานโชว์”

“ผมคิดว่าในระดับปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านทางเชียงใหม่ เขาเข้าใจปัญหา เขารู้ว่าปัญหาคืออะไร แล้วเขารู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร

“เพราะแต่ละพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่หรือภาคเหนือ วิธีการแก้ปัญหามันไม่ได้เป็นสูตรเอ สูตรบี สูตรซี คือมันก็แล้วแต่ปัญหาของแต่ละพื้นที่ เราน่าจะให้อำนาจให้กำลังเงินในแต่ละพื้นที่ไปจัดการ เพราะว่าเงื่อนไขของแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน ไม่ได้แบบสั่งตรงมาจากกรุงเทพฯ ว่าต้องแก้ปัญหาแบบนี้แล้วปูพรม

“สมมุติว่าเลิกเผาวันที่ 1 ถึงวันที่เท่านี้ทั้งประเทศ มันไม่ได้แก้ปัญหาทุกที่ แต่ถ้ากระจายอำนาจให้แต่ละพื้นที่ ซึ่งเขาเข้าใจปัญหา ทำได้ (ในแนวทางของตนเอง) ผมคิดว่าอันนี้มันจะช่วยแก้ปัญหาได้

“เมื่อวานเห็นท่านนายกฯ ออกมาดินเนอร์ (ที่เชียงใหม่) แล้วบอกว่าอากาศดีใช่ไหมครับ แล้วคนที่ล้อมหน้าล้อมหลังก็คือคนที่เป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินปัญหาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวปลัดกระทรวง ผู้ว่าฯ เชียงใหม่

“แล้ว (นายกฯ) ก็มาให้ข้อมูลบอกว่านี่อากาศดี (ทุกคนในโต๊ะก็ขานรับ) จริงครับท่าน แทนที่จะแย้งว่าไม่จริงนะครับ อันนี้ (อากาศเลวร้าย) อันดับหนึ่งของโลกนะครับตอนนี้ นายกฯ บอกว่าอากาศดี ก็ไม่เห็นมีใครคัดค้านอะไรเลย

“อีกประเด็นหนึ่ง ผมยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ดีกว่า เขาไม่ได้มีปัญหา PM 2.5 จากการเผาในประเทศเขา แต่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก็คือการเผาป่าจากการปลูกปาล์มที่อินโดนีเซีย ทราบไหมครับว่ารัฐบาลสิงคโปร์ทำอย่างไร?

“บ้านเขาไม่มีไฟป่า บ้านเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนะ รัฐบาลสิงคโปร์สั่งให้บริษัท (สัญชาติ) สิงคโปร์ ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการไปลงทุนในปาล์มน้ำมัน หยุดทำ (กิจการนี้) แล้วก็พอรู้ว่าบริษัทเหล่านี้มีส่วนกับการทำลายป่า เผาป่า กระทั่งเกิดไฟลามมาถึงสิงคโปร์ รัฐบาลสิงคโปร์ปรับบริษัทเหล่านั้นอย่างเอาเป็นเอาตายเลย

“ในขณะเดียวกัน ศูนย์การค้าทั้งหมดในสิงคโปร์ร่วมมือกันยกเอาสินค้าที่มีส่วนประกอบของปาล์มจากบริษัทเหล่านั้น ออกจากชั้นวางสินค้าหมดเลย ถามว่าบริษัทนั้นอยู่ได้ไหม?

“หันมามองเมืองไทย วันนี้ถ้าเกิดว่าประชาชนชาวไทยไม่มีปัญหาเรื่องการเผาป่าอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าฝุ่นมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะมาจากพม่า ลาว กัมพูชา สิ่งที่รัฐบาลไทยทำได้อย่างเดียวทุกวันนี้คือ ‘ขอความร่วมมือ’ แต่ไม่กล้าบังคับใช้กฎหมาย

“สิงคโปร์นี่ร่าง พ.ร.บ.ใหม่เลยนะ เขาเรียกว่ากฎหมายข้ามพรมแดน คือบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ไม่ได้ทำผิดในประเทศ แต่ไปทำผิดที่อินโดฯ ในการปล่อยควัน กูก็ปราบมึงได้

“นั่นคือความเข้มแข็งของรัฐบาลในการที่จะดูแลประชาชนของเขาอย่างจริงจัง แต่รัฐบาลไทยทำได้อย่างมากก็ขอความร่วมมือกับบริษัทใหญ่ๆ”

“ถามว่ารัฐบาลนี้พยายามที่จะทำ (แก้ปัญหา PM 2.5 ในภาคเหนือ) ไหม? ก็พยายามในระดับล่าง แต่ระดับบนเขาส่งสัญญาณแค่ไหน? หรือเขาวางลำดับความสำคัญว่าปัญหาใหญ่อันดับหนึ่ง (คืออะไร?) หรือการไปเดินสายต่างประเทศคือ (วิธีการแก้ไข) ปัญหาอันดับหนึ่ง

“อันนี้ยกตัวอย่าง ถ้าเกิดมีรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง สแตนด์บายอยู่ที่ภาคเหนือทุกวัน แล้วก็มีวอร์รูมอย่างชัดเจน และมีอำนาจสั่งการเด็ดขาด แน่นอน อย่างน้อยกำลังใจของชาวภาคเหนือ-ชาวเชียงใหม่ จะรู้สึกว่ามันมีคนมาสั่งการจริงๆ มีศูนย์ปฏิบัติการ 24 ชั่วโมงจริงๆ

“แต่ที่ผ่านมา ไม่ว่ารัฐบาลกี่ยุค ก็คือ เวลาเป็นข่าวใหญ่ นายกฯ ก็บินมาดูทีหนึ่ง ตัดริบบิ้นเทศกาลดับไฟป่า เปิดป้าย แล้วบินกลับ แต่ถ้าเกิดว่าเรามีรองนายกฯ คนหนึ่งที่สแตนด์บายอยู่ที่นั่นเลย 24 ชั่วโมง แล้วก็ดูแลอย่างจริงจัง อย่างน้อย ชาวบ้านจะรู้สึกว่า เฮ้ย เขาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา เขาสูด PM 2.5 เหมือนเราด้วยว่ะ…

“อย่าลืมนะครับว่า ตอนนี้ชาวเชียงใหม่ มีสถิติล่าสุดของคนเป็นมะเร็งในปอดสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ แน่นอนเวลาพูดอย่างนี้ จะมีคนบอกว่ามันมีปัจจัยอื่นเยอะแยะ แล้วโอเค มันอาจต้องใช้วิธีแก้ปัญหาระยะสั้น ระยะยาว

“แต่อย่างน้อย มันก็ได้ใจคนภาคเหนือ ถ้ามีคนที่เหมือนกับว่ามาทำสงครามจริงๆ เป็นแม่ทัพจริงๆ (ในการแก้ปัญหา)” •

 

ของดีมีอยู่ | ปราปต์ บุนปาน