ของดีมีอยู่ : คำทำนายของ “พี่โทนี่” / ปราปต์ บุนปาน

ของดีมีอยู่

ปราปต์ บุนปาน

 

ชะตากรรมของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เต็มไปด้วยภาวะพลิกผัน-ระหกระเหิน ประหนึ่งภาพยนตร์หลากหลายรสชาติ

จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน ที่รัศมีของอดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปล่งประกายเจิดจรัส เพราะถูกจับตา-ถูกคาดหวังว่าเขาอาจมีสถานภาพเป็น “สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน” หรือ “กบฏในระบบ” ซึ่งลุกขึ้นเป็นหัวขบวนโหวตล้ม “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจยุติลง พร้อมบาดแผลของ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้มีคะแนนไว้วางใจในอันดับรองบ๊วย และถูกโหวตไม่ไว้วางใจมากเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส ดูจะไม่ได้รับความกระทบกระเทือนสักเท่าไหร่

แต่คล้อยหลังเพียงไม่ถึงสัปดาห์ ก็เกิดเสียงเล่าลือถึงปรากฏการณ์ห่างเหินแบบแปลกๆ ระหว่างการประชุม ครม. ก่อน “สึนามิลูกใหญ่” จะซัดเข้าใส่ “ขั้วธรรมนัส”

ด้วยคำสั่งปลด ร.อ.ธรรมนัส และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ และ รมช.แรงงาน ตามลำดับ

ในด้านหนึ่ง นี่ดูจะเป็น “ตลกร้ายทางการเมือง” เพราะทั้งๆ ที่สังคมและนักการเมืองฝ่ายค้านบางส่วนพยายามตั้งคำถามถึง “การขาดคุณสมบัติด้านต่างๆ” ของ ร.อ.ธรรมนัสมาอย่างหนักหน่วง-หนักแน่น โดยต่อเนื่อง แต่การออกอาวุธอย่างตรงไปตรงมาเหล่านั้นกลับทำอะไรผู้กองผู้เปี่ยมบารมีไม่ได้

ทว่า ร.อ.ธรรมนัสกลับคล้ายจะมาพลาดท่าเสียทีให้แก่คำสั่งปลดของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาใน ครม. ท่ามกลางผลประโยชน์ทางการเมืองอันไม่ลงตัว

หลังถูกปลด ร.อ.ธรรมนัสดูจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและอาจหมดอนาคตทางการเมือง หรืออย่างต่ำที่สุด เขาก็คงต้องแยกทางกับพรรคพลังประชารัฐ หากคำนึงถึง “ระเบิดลูกย่อมๆ” ที่เจ้าตัวโยนออกมา ระหว่างการชิงแถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ณ รัฐสภา

 

น่าอัศจรรย์เหลือเกิน ที่หนึ่งสัปดาห์หลังถูกปลดพ้นรัฐมนตรี “ธรรมนัส-นฤมล” ก็หวนกลับมาร่วมประชุมพรรคพลังประชารัฐ โดยมี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” นั่งเป็นหัวโต๊ะ

นอกจากนี้ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐยังกล่าวกับสื่อมวลชนภายหลังการประชุมด้วยว่า “สบายใจตั้งนานแล้ว”

สถานการณ์อันน่าอัศจรรย์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากปรากฏภาพข่าว พล.อ.ประวิตรเพิ่งจะ “คืนดี” กับ พล.อ.ประยุทธ์

ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐจึงคลี่คลายไปสู่บทสรุปแบบ “แฮปปี้เอ็นดิ้ง” เสียอย่างนั้น แม้หลายคนจะยังงุนงงกันอยู่ และบางคนอาจเก็บงำ-สะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้

หากพิจารณาในเชิงปัจเจกบุคคล ร.อ.ธรรมนัสถือเป็นตัวละคร “ตายยาก” หรือ “แมวเก้าชีวิต” อย่างแท้จริง

ในเชิงโครงสร้างทางการเมือง-ธรรมชาติของอำนาจ-ธรรมชาติของประชาธิปไตย

ปรากฏการณ์ “ปลด-ไม่ปลดธรรมนัส” ได้แสดงให้เห็นถึง “อำนาจ” อันไม่เป็นหนึ่งเดียวและไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

กล่าวคือ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี จะออกคำสั่งปลด “ธรรมนัส-นฤมล” อันหมายความว่าหัวหน้ารัฐบาลไม่สามารถทำงานร่วมกับรัฐมนตรีเหล่านี้ภายในคณะรัฐมนตรีได้

แต่พร้อมๆ กันนั้น พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังเลือกที่จะโอบอุ้มประคับประคองเลขาธิการ-เหรัญญิกพรรคต่อไป ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เสริมด้วยการกำชับให้ลูกพรรคทุกคนรักกัน

จึงเป็นเรื่องปกติที่คนในสังคมจะพากันตั้งคำถามว่า “3 ป.” ยังมีเอกภาพเป็นปึกแผ่นจริงหรือไม่? หรือต่อให้มีเอกภาพ ก็น่าสงสัยว่าเอกภาพดังกล่าวคงไม่เข้มแข็งเพียงพอ กระทั่ง “2 ป.” ต้องเล่นบท “ตีสองหน้า” เพื่อพยายามรักษาผลประโยชน์และดุลยภาพทางการเมือง

นี่ยังแสดงให้เห็นว่าในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีใครจะได้อะไรทุกอย่างดั่งใจต้องการ แม้กระทั่งผู้นำประเทศ ซึ่งมีทั้งช่องทางในการใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด และภาวะสุญญากาศอันมิอาจใช้อาญาสิทธิ์ใดๆ

 

ช่างน่าบังเอิญเหลือเกิน ที่ในคืนก่อนวงประชุมอันชื่นมื่นระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับ “ธรรมนัส-นฤมล” บุคคลอีกคนหนึ่ง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเพิ่งจะ “เสียเชิงทางการเมือง” ไปพร้อมๆ กับอดีต รมช.เกษตรฯ ก็ได้กล่าววิเคราะห์ถึงกรณี “ปลดธรรมนัส” เอาไว้พอดี

บุคคลคนนั้นคืออดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” ในนามแฝง “โทนี่ วู้ดซัม” ซึ่งแสดงทัศนะผ่านแพลตฟอร์มคลับเฮาส์ว่า

“ท่าน (นายกฯ) โกรธไปปลดธรรมนัส-นฤมล กล่องดวงใจพี่ป้อมเขานะ เขาเป็นหัวหน้าพรรคนะ ไปทุบกล่องดวงใจเขา เขาโกรธนะ แต่เขาแก่กว่า เลยสุขุมกว่า เขาเลยไม่ยอมลาออกจากหัวหน้าพรรค ธรรมนัสก็ไม่ลาออกจากเลขาฯ

“วันนี้ พรรคที่เป็นแกนสนับสนุนรัฐบาลจริงๆ คือพลังประชารัฐ นายกฯ ตัดขาตัวเองตีนลอย ที่ไปทุบแบบนี้ การเมืองต่อจากนี้ ราคาแพงนะ เพราะต้องเก็บทุกเม็ด ไม่งั้นแพ้โหวต…”

ต้องจับตาดูว่าคำทำนายของ “พี่โทนี่” จะเป็นจริงหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร?