ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 มิถุนายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
มาอีกแล้วครับ ตรรกะพิสดารประเภทเผาบ้านไล่หนู
คำขู่ล่าสุดของนายกรัฐมนตรีที่บอกว่าจะงัดมาตรการเคอร์ฟิวออกมาใช้อีก
เพียงเพราะไม่พอใจที่เห็นกลุ่มเด็กแว้นวัยรุ่นออกมาก่อความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้าน
นี่สะท้อนความ “ง่อย” ในการจัดการ ในการบริหาร
สะท้อนความอ่อนด้อยในการแปรนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
อันเป็นหัวใจของรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ
เด็กแว้นก่อความเดือดร้อนรำคาญจริง
แต่วิธีจัดการปัญหาด้วยการเหวี่ยงแห ด้วยมาตรการที่ส่งผลกระทบถึงคนวงกว้างทั่วไปทั้งหมด
เผลอๆ ตัวนโยบายหรือมาตรการจะสร้างความเสียหาย ความเดือดร้อนรำคาญเสียยิ่งกว่าพฤติกรรมของเด็กแว้นไม่กี่คน ไม่กี่กลุ่ม
เป็นรัฐหรือรัฐบาลที่มีสติหน่อย
เกิดแว้นขึ้นที่ไหน ก็ไล่เบี้ยเอากับตำรวจหรือฝ่ายปกครองในพื้นที่นั้นไป
ถ้าตำรวจหรือฝ่ายปกครองไม่รู้ที่มาที่ไปของแว้น ไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ไม่รู้ว่ามีพฤติกรรมอะไรมากน้อยกว่านี้
ที่ต้องทำคือปลดหรือย้ายตำรวจ-ฝ่ายปกครองนั้นออกจากราชการ หรือเข้าประจำไปเสียให้หมด
ฐานที่ไม่รู้จักพื้นที่ ไม่รู้จักชุมชน-ประชาชนที่ต้องดูแล
ดูทีหรือว่า ถ้าปลด ถ้าย้ายเจ้าหน้าที่แบบยกยวงสักสองสามพื้นที่
ที่เหลือจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไหม
จะปล่อยให้แว้นออกมาก่อความเดือดร้อนรำคาญอีกหรือไม่
แต่นี่พอมีข่าวแว้นปุ๊บ
ควันก็ออกหูปั๊บ
ประกาศเปรี้ยงปร้างได้ทันที
ว่าจะต้องเอา “ยาแรง” กลับมาใช้
อาการแบบนี้บอกว่าต้องมีโรคอะไรในตัวอย่างน้อยสองอย่าง
อย่างแรกคือโรคเสพติดอำนาจ เพราะขาดความอดทน ลงมือทำงานอย่างอื่นที่ละเอียดอ่อนกว่าไม่ได้และไม่เป็น
เอะอะอะไรมาก็เหวี่ยงแห ครอบจักรวาลเอาไว้ก่อน
ผลกระทบที่ตามมา คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกเท่าไหร่จะบาดเจ็บล้มตายเพราะนโยบายนี้
ไม่รู้และไม่สนใจ
ส่วนอีกโรคหนึ่งคือโรคกลัว
กลัวคนดูถูกว่าไม่มีฝีมือ กลัวคนจะเห็นเป็นตัวตลก ไม่ยอมเคารพนับถือ
อะไรเกิดขึ้นก็เลยต้อง “จัดหนัก” เอาไว้ก่อน
ได้ผลไม่ได้ผลก็ไม่รู้ล่ะ
แต่ปลอบใจตัวเองได้ว่ายังมีอำนาจอยู่ในมือนะเฟ้ย
ใครอย่ามาล้อเล่นไป
ซึ่งก็ได้ผลระดับหนึ่ง
ก็ใครอยากจะไปล้อเล่นกับเด็ก 2-3 ขวบที่ถือปืนจริงออกมาควง
ไม่เชื่อลองทำโพล (ที่น่าเชื่อ) สอบถามดูก็ได้
ว่าชาวบ้านคิดยังไง
แต่จะเพราะความเคยตัว ความกลัว ความไม่เป็นงาน หรืออะไรก็ดี
รัฐบาลที่มีรากเหง้ามาจากการรัฐประหาร ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการเลือกตั้งก็ดูจะนิยมให้อำนาจพิเศษชนิด “ครอบจักรวาล” อย่างนี้มาตลอด
สมัยเกลียดกลัวทักษิณ (และมรดกตกทอดของทักษิณ)
ก็จุดไฟเผาเมือง ล้มล้างประชาธิปไตย
จนกลายเป็นแผลเป็น เป็นลิ่มที่ตอกให้สังคมไทยแตกเป็นเสี่ยงมาจนทุกวันนี้
และยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาประสานรอยร้าว หรือปรองดองอะไรอย่างที่ต้องการได้
พอกลัวโควิด-19 ก็กลัวเสียหัวหด และใช้อำนาจสั่งให้คนทั้งหมดหดหัวกลับเข้าไปอยู่ในกระดองด้วย
ชนะโรคได้ แต่จะอดตายกันทั้งประเทศ
หรือจะต้องทุกข์ยากต่อไปอีกหลายปี
ก็เพราะ “ความไม่พอดี” ความที่ถนัดแต่ใช้ “ยาแรง” เพราะทำอย่างอื่นไม่เป็น
ไอ้เรื่องเด็กแว้นกับเคอร์ฟิวนี่มันแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง ที่โผล่มาประจาน “ความไม่เป็นมวย”
ก็เท่านั้นแหละ
พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่