ฐากูร บุนปาน | อย่าผักชีโรยหน้า ในการพัฒนาคูคลอง

เมื่อไม่นานมานี้ คุณซีรอซันคาร ปาทาน ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (สยป.) กทม. เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีชุดที่แล้ว จากการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ใน 5 ประเด็น ดังนี้
1. การปรับปรุงถนน บาทวิถี และเส้นทางเดินเท้าในเขต กทม. ที่ชำรุดทรุดโทรม และอาจมีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน เพื่อให้ประชาชนสัญจรอย่างสะดวกปลอดภัย
2. กำจัดขยะมูลฝอยและวัสดุเหลือใช้ต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคกีดขวางทางระบายน้ำในจุดต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนแออัด
3. พัฒนาคูคลอง และพื้นที่ริมคลองที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และพักผ่อนหย่อนใจได้ให้มีภูมิทัศน์สะอาด สวยงามโดยการปลูกไม้ดอก ไม้ประดับที่มีสีสันสวยงามตามสภาพพื้นที่ รวมทั้งจัดให้มีกิจกรรมล่องเรือชมทัศนียภาพ และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
4. พัฒนาคูคลองเพิ่มเติมอย่างน้อย 1 คลอง ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนที่สะดวกและสะอาด
5. เพาะปลูกพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับที่มีสีสันสวยงาม ในพื้นที่แปลงใหญ่ตามสวนสาธารณะ เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีไม้ดอกไม้ประดับเป็นแปลงใหญ่ ดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยว
และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแก่ประชาชนโดยทั่วไป

ด้วยความเคารพและด้วยความรู้อันจำกัด
ขออนุญาตไม่พูดถึงประเด็นอื่น แต่จับเฉพาะเรื่องคูคลองที่ “เครือมติชน” เข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชนมานานร่วม 20 ปี
ตามมติที่เป็นแนวทางกิจกรรมของเครือว่า
“แบ่งปันความรู้ เชิดชูศาสนา พัฒนาแหล่งน้ำลำคลอง”
ขอกราบเรียนว่า
ถ้าจะพัฒนาคูคลองเป็นแหล่งท่องเที่ยว
อย่างแรกที่ต้องทำไม่ใช่เรื่องปลูกดอกไม้ (หรือปลูกผักชี) ข้างคลองอะไรนั่นหรอกครับ
แต่ต้องทำให้แม่น้ำลำคลองของประเทศนี้พ้นจากสภาพ “ท่อระบายน้ำเสียขนาดใหญ่” เสียก่อน
เพราะต่อให้ดอกไม้ข้างคลอง ให้สวนนิรมิตมาสวนงามจับใจขนาดไหน (นึกภาพที่ กทม.เข้าไปรื้อชุมชนหลังป้อมมหากาฬดูก็ได้)
แต่ถ้าคลองยังเป็นท่อน้ำโสโครกขนาดใหญ่
ทั้งดำ ทั้งเหม็น ส่งกลิ่นอบอวล
ถามว่าใครอยากมานั่งดม

อยากทำให้คลองเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็คืนชีวิตให้คลองกับคนข้างคลองมาก่อน
ไม่ใช่แค่จัดระเบียบ รื้อเขาตะบัน
อย่างนั้นมันง่าย
ใครถือปืนอยู่ก็ทำได้
ไม่ต้องเป็นรัฐบาล
(ลองนึกถึงเรื่องไล่หาบเร่แผงลอยพ้นถนน ไล่จากกลางเมืองไปอยู่นอกเมือง คนหมดโอกาสทำมาค้าขาย แต่อีกด้านก็อยากโปรโมต “สตรีตฟู้ด” ของรัฐบาลไทยดูเถอะ ไม่ต่างกันเท่าไหร่ คือทำอะไรง่ายๆ แต่ผิดฝาผิดตัวไปหมด)
คืนชีวิตให้คนริมคลอง
แล้วก็ต้องคืนชีวิตให้น้ำด้วย
ที่จริงกฎหมายเก็บค่าบำบัดน้ำเสียนั้นร่างกันเสร็จมาร่วม 10 ปี
แต่ไม่มีรัฐบาลไหน ไม่ว่าประชาธิปัตย์ เพื่อไทย เผด็จการทหาร กล้าเอาออกมาใช้
เข้าใจว่าคงกลัวเสียคะแนนเสียง
ไม่มีกฎหมายบังคับเก็บเงินน้ำเสีย คนก็ใช้น้ำกันอย่างไม่รู้ค่า
รัฐก็ไม่มีเงินมาสร้างระบบบำบัดน้ำเสียที่จะต้องกระจายไปทั่วเมือง
ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นของ “มหานคร” ขนาดใหญ่ทั่วโลก
ระบบบำบัดน้ำเสียใน กทม. ก็เลยเหมือนกับระบบระบายน้ำ
คือมีแต่ชื่อ มีโครงการสวยๆ หรูๆ
แต่ไม่เคยลงมือใช้ได้จริง

อยากโปรโมตท่องเที่ยว คาถาง่ายๆ มีแค่ว่า
สะอาด สะดวก ปลอดภัย ชาวบ้านได้ประโยชน์
ไม่ใช่ทำด้วยผักชีโรยหน้าทั้งหลาย
อยากทำให้คลองเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่ไม่มีชีวิตริมคลองให้ชม
คลองนั้นก็แห้งเหี่ยว
หรือมีท่องเที่ยวแต่ข้ามหัวชาวบ้าน ใครเขาจะต้องการให้เกิดขึ้น
อยากทำให้คลองเป็นสถานที่ท่องเที่ยว คลองต้องน้ำใสสะอาดก่อน
ถ้าบ้านอื่นเมืองอื่นเขาทำได้
ทำไมเราถึงไม่ทำ หรือทำไม่ได้
ไหนๆ จะสั่งการอะไรทั้งที
สั่งที่มันถึงกึ๋นถึงแก่นหน่อยเถอะครับ
ด้วยความเคารพ