ฐากูร บุนปาน : ถ้าผมเป็น กกต.

ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

ถ้าผมเป็น กกต.แล้วการเลือกตั้งมีปัญหา มีข้อสงสัย

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัตรเกิน ที่ว่ากันว่าจำนวนเป็นล้านๆ ใบ

เรื่องการขานคะแนนพิสดาร

การขนส่งบัตรที่ล่าช้า ซึ่งสุดท้ายทำท่าจะกลายเป็นบัตรเสีย (หรือไม่เสียก็ไม่เอามานับคะแนน)

ฯลฯ

อย่างแรกที่ผมจะทำคือ กราบขออภัยประชาชนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งในและต่างประเทศ

ตามด้วยการขอบพระคุณทุกท่านที่ชี้จุดอ่อนหรือปัญหานี้ให้

และอย่างต่อมาที่ต้องเร่งทำโดยทันที

ก็คือการตรวจสอบข้อสงสัยหรือปัญหาที่มีคนบอกมา ให้รวดเร็วที่สุดและโปร่งใสให้มากที่สุด

จากนั้น ก็จะขออนุญาตลาออกจากตำแหน่ง (ไม่ว่าจะเป็นกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานนั่นละครับ) เป็นการแสดงความรับผิดชอบ

ทำไมต้อง “สปิริต” แรงขนาดนั้น

ก็เพราะคนปกติธรรมดาทั่วไปย่อมรู้ว่า

การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งที่มีความสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในสังคมไทย

เป็นการเลือกตั้งที่มีผลต่อการกำหนดความเป็นไปของประเทศใน 10-20 ปีข้างหน้า (โดยไม่ต้องให้ใครมาวางยุทธศาสตร์ให้ #โตแล้วคิดเองได้)

เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปี และเป็นการเลือกตั้งที่ตัดสินว่าสังคมไทยจะเดินพ้นจากเงื้อมเงาของอำนาจทหาร

มาเป็นสังคมที่พลเรือนปกครองกันเองอย่างประเทศที่เจริญแล้วได้หรือไม่

กระบวนการเปลี่ยนผ่านนี้ ขั้นตอนสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ

การจัดการเลือกตั้งดำเนินไปโดยสุจริตโปร่งใสหรือไม่

ฯลฯ

คือถ้ารู้ว่าสำคัญขนาดนี้แล้ว “มือไม่ถึง” (หรือมือถึง จึงทำให้เกิดเรื่องพิสดารได้มากมายขนาดนี้)

ทางที่ดีที่สุดก็คือ ลองเปิดทางให้คนที่เขาตั้งใจไม่น้อยกว่ากันลองเข้ามาทำงานดูบ้าง

เพราะถามจริงๆ เถอะครับ ว่าทุกวันนี้ท่านยังมีความสุขดีอยู่หรือ

เวลาอ่าน (โดยตรง หรือจากข่าว) ว่าแฮชแท็กในทวิตเตอร์ #กกตโป๊ะแตก หรือ #โกงเลือกตั้ง ติดอันดับยอดนิยม

ไปจนถึงเรื่องที่มีคนเรือนแสนเข้าชื่อกันจะขอถอดถอนน่ะ

ไม่เหนื่อยไม่ท้อใจบ้างละหรือ

กกต.ไทยนั้นมีรากฐานที่มาจาก กกต.อินเดีย (เรื่องนี้มีเวลาเดี๋ยวจะมาเล่าประวัติศาสตร์ให้ฟังอีกที)

แต่จนถึงวันนี้ กกต.ของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยใหญ่ที่สุดในโลก

มี กกต.แค่ 2 คน และเจ้าหน้าที่ประจำอีกประมาณ 300

แต่ กกต.ของบ้านเรา ที่จัดเลือกตั้งต่างประเทศก็มีปัญหา เลือกตั้งล่วงหน้าก็มีปัญหา มาถึงเลือกใหญ่ ใหญ่ก็ยิ่งมีปัญหา

มี กกต.ถึง 7 คน เจ้าหน้าที่อีกกว่า 2,000 คน

มีโครงสร้างเหมือนปลาหมึก กลายเป็นหน่วยราชการระดับกระทรวงขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง เพราะขยายสาขาไปทั่วประเทศ

ใหญ่โตขนาดนี้ ใช้งบประมาณแต่ละปีเป็นพันล้าน

ใช้เงินจัดการเลือกตั้ง (จากภาษีของเราๆ ท่านๆ) ไปอีก 5,000 กว่าล้าน

แต่ทำแล้วมีปัญหาขนาดนี้

และจัดการกับปัญหา-ที่อาจจะทำให้สังคมเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย เพราะความไม่เชื่อมั่นในความสุจริตของผู้มีหน้าที่เป็นกรรมการกลาง-ได้อ่อนประสิทธิภาพขนาดนี้

จะอยู่ต่อไปท่ามกลางเสียงสรรเสริญ (หรืออื่นๆ) ของชาวบ้านเขาทำไม

ปล. แล้วที่แถลงหนไหน โยนผิดให้คนอื่นอย่างอื่นเรื่อยไป

นอกจากไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้ว

ยังซ้ำเติมสถานการณ์ให้ย่ำแย่ เพราะเพิ่มดีกรีความหมั่นไส้ให้ชาวบ้านมากขึ้นไปอีก

ฉะนั้น ด้วยความเคารพอย่างแท้จริง

ลองเปลี่ยนมาหาอะไรที่ถนัดกว่าทำ

จะดีไหมครับ