มองขีดความสามารถยอดเยี่ยมด้านความเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจากการเปรียบเทียบการต้านโควิด-19 ระหว่างจีน-สหรัฐฯ

มองขีดความสามารถยอดเยี่ยมด้านความเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจากการเปรียบเทียบการต้านโควิด-19 ระหว่างจีน-สหรัฐฯ

​การรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถือเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ต่อระบบและขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เดือนมิถุนายน 2021 สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐฯ อ้างว่าจากการจัดทำลีดเดอร์บอร์ด ระบุว่าสหรัฐฯ รั้งตำแหน่ง “อันดับ 1 ของโลกด้านการต้านโควิด-19” แต่สิ่งที่ชวนให้ผู้คนรู้สึกตลกสิ้นดีก็คือ สหรัฐฯ มียอดผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้วมากกว่า 40 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 700,000 ราย ซึ่งต่างครองอันดับหนึ่งของโลก ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา

การบริหารจัดการที่ดีของจีนกับความวุ่นวายของสหรัฐฯ ในการต่อสู้โรคระบาดนั้นเกิดการเปรียบเทียบกันอย่างชัดเจน ปฏิบัติการที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้โรคระบาดของจีนได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างแจ่มชัดว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีขีดความสามารถด้านความเป็นผู้นำอันยอดเยี่ยม การปกครองของจีนได้แสดงให้เห็นถึงพลังชีวิตอันเข้มแข็งและความเหนือกว่าที่ยิ่งใหญ่

แนวคิดการปกครองประเทศที่ถือประชาชนสูงสุดสะท้อนให้เห็นถึงพลังการชี้นำของภาระหน้าที่

พรรคคอมมิวนิสต์จีนยืนหยัดแนวคิดการบริหารประเทศที่ถือประชาชนสูงสุด โดยยึด “การแสวงหาความสุขแก่ประชาชนและการแสวงหาการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองแก่ประเทศชาติ” เป็นความตั้งใจและภารกิจแรกเริ่ม ถือความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของประชาชนอยู่ในอันดับแรกมาโดยตลอดท่ามกลางการต่อสู้กับโรคระบาด ประเทศจีนได้ระดมทรัพยากรทั่วประเทศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเพื่อดำเนินการรักษาช่วยเหลือผู้ป่วยขนานใหญ่ ทุก ๆ ชีวิตตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึงผู้สูงวัยอายุ 100 ปีล้วนได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ เฉพาะมณฑลหูเป่ยได้ประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 3,600 ราย ที่มีอายุกว่า 80 ปี และ 7 คนที่มีอายุกว่า 100 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่การป้องกันและควบคุมโควิด-19 เข้าสู่ “ภาวะปกติใหม่” จีนได้ขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนควบคู่ไปกับการใช้มาตรการป้องกันและควบคุมอย่างเคร่งครัด ยืนหยัดบูรณาการการบริหารทั่วประเทศอย่างเป็นเอกภาพซึ่งทำให้ประชาชนรู้สึกได้รับประโยชน์ มีความสุข และปลอดภัย

แต่ท่ามกลางกระบวนการรับมือโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกันยากที่จะบรรลุความเห็นพ้องต้องกันได้มาโดยตลอด พรรคการเมืองสหรัฐฯ ยึดผลประโยชน์ในการเลือกตั้งเหนือผลประโยชน์ของประชาชน ทำให้ประเด็นทางวิทยาศาสตร์กลายเป็นเกมการเมือง อีกทั้งยังป่าวร้องว่าโรคโควิด-19 เป็น “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหญ่” ด้วย แนวคิดของลัทธิต่อต้านสติปัญญาทำให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นควบคุมไม่ได้และกลายเป็นประเทศที่ล้มเหลวลำดับแรกของโลกในการต่อสู้กับโรคระบาด

ผลลัพธ์เชิงยุทธศาสตร์จากการป้องกันและควบคุมที่แม่นยำแสดงให้เห็นถึงพลังการตัดสินใจตามหลักวิทยาศาสตร์

เมื่อเผชิญกับโรคระบาดอย่างกะทันหันและรุนแรง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนมองการณ์ไกลและตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและรับผิดชอบทางการเมืองที่ไม่มีใครเทียบได้ ก่อนเทศกาลตรุษจีนปี 2020 คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนทำการตัดสินใจอย่างเฉียบขาดซึ่งก็คือการปิดเส้นทางคมนาคมขาออกจากเมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ย นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่มีการใช้มาตรการป้องกันโรคระบาดที่เข้มงวดที่สุดในเมืองใหญ่ที่มีประชากรระดับ 10 ล้านคน หลังจากนั้นรายงานผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร “วิทยาศาสตร์ (Science)” ของสหรัฐฯ ระบุว่า “การปิดเมือง” ที่อู่ฮั่นและหูเป่ย ตลอดจนมาตรการป้องกันและควบคุมอย่างเข้มงวดนั้นทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในจีนลดลง 96% ซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งในการยับยั้งโรคระบาด ภายหลังการป้องกันและควบคุมโควิด-19 เข้าสู่ “ภาวะปกติใหม่” ท้องที่ต่าง ๆ ของจีนจัดตั้งและปรับปรุงกลไกการตรวจพบผู้ป่วยอย่างทันท่วงที การจัดการอย่างรวดเร็ว การควบคุมอย่างแม่นยำ และการรักษาช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ จีนดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19 แบบ “การจับหนูในร้านจำหน่ายเครื่องเคลือบดินเผา” (ไม่เพียงแต่จับหนูได้เท่านั้นหากยังไม่ทำให้เครื่องเคลือบแตกด้วย) ตลอดจนลดผลกระทบต่อการผลิตและการดำรงชีวิตของประชาชนจากผู้ป่วยโควิด-19 ที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศให้เหลือน้อยที่สุด

นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 สหรัฐฯ ขาดการมองการณ์ไกลเชิงยุทธศาสตร์และความสามารถในการวางแผนงานรวมถึงใช้มาตรการแบบบูรณาการ ในกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะต่าง ๆ เช่น การตรวจทดสอบกรดนิวคลีอิก การสวมหน้ากากอนามัย การกักตัวในบ้าน และการฉีดวัคซีน เป็นต้น ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการของสหรัฐฯ ขัดขวางซึ่งกันและกันเนื่องจากผลประโยชน์ทางการเมือง รัฐบาลในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับประเทศ มลรัฐ และท้องถิ่น ต่างตำหนิติเตียนซึ่งกันและกัน ระบบบริหารจัดการแห่งชาติประสบความล้มเหลวเชิงระบบ ทำให้เกิดความล่าช้าในการตัดสินใจ และพลาดโอกาสสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ความได้เปรียบด้านการระดมกำลังทั่วประเทศแสดงให้เห็นถึงพลังการดำเนินงานอันทรงประสิทธิภาพ

จีนเป็นประเทศแบบรัฐเดี่ยวที่มีความหลากหลายทางชนเผ่า มีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน มีพื้นที่มากกว่า 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร ตลอดจนมีความสามัคคีและเอกภาพด้านจิตวิญญาณรวมถึงวัฒนธรรมในระดับสูงซึ่งหาได้ยากบนโลก ระบบรัฐและระบบการปกครองของจีนมีความได้เปรียบที่สามารถดำเนินการแบบบูรณาการทั่วประเทศและรวมศูนย์สรรพกำลังในการดำเนินเรื่องใหญ่ ๆ ได้ ตลอดจนสามารถดำเนินภารกิจที่ยากลำบากต่าง ๆ ให้สำเร็จได้ด้วย พลังการดำเนินงานอันเข้มแข็งในการต่อสู้ระบาด จีนยืนหยัดบูรณาการในขอบเขตทั่วประเทศ รวมศูนย์การนำ บัญชาการอย่างเป็นเอกภาพ ระดมกำลังทั่วประเทศ จนนำมาสู่พลังรวมซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังการดำเนินงานอันทรงประสิทธิภาพและเป็นที่จับตามองจากทั่วโลก จากการสร้างโรงพยาบาลหั่วเสินซานและโรงพยาบาลเหลยเสินซานถึงการสร้างโรงพยาบาลสนาม จากการรวมพลทางการแพทย์ช่วยเหลือมณฑลหูเป่ยถึงการทดสอบกรดนิวคลีอิกที่ครอบคลุมประชากรทุกคนจำนวนเกือบ 10 ล้านในเมืองอู่ฮั่นภายในเวลาเพียง 10 กว่าวัน “ความเร็วของจีน” และ “ประสิทธิภาพของจีน” ทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของชาวโลก ภายใต้การนำแบบรวมศูนย์และเป็นเอกภาพของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ ได้แบ่งงานและประสานงานกัน คว้า “ชัยชนะคู่” ทั้งการป้องกันและควบคุมโรคระบาดและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้วยพลังการดำเนินงานอันเข้มแข็ง

หนึ่งในสาเหตุหลักที่สหรัฐฯ ไม่ประสบความสำเร็จในการป้องกันและควบคุมโควิด-19 คือ หน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ โยนความผิดพลาดแก่กัน จากการกำหนดนโยบายไปจนถึงการปฏิบัติตามนโยบาย ต่างตกอยู่ในความขัดแย้งที่ทำลายซึ่งกันและกันทางการเมืองอย่างไม่รู้จบ นำไปสู่การเกิดความขัดแย้งเชิงนโยบายและความล่าช้าในการดำเนินการคลี่คลายสถานการณ์

พื้นฐานความคิดที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแสดงถึงพลังการหลอมรวมทางวัฒนธรรม

ยามเผชิญบททดสอบของความเป็นความตายที่สืบเนื่องจากโรคระบาด พรรคคอมมิวนิสต์จีนนำพาประชาชนทั้งประเทศใช้ความคิดและพลังไปในทิศทางเดียวกัน เชื่อมโยงชะตากรรมทั้งส่วนตัวและประเทศชาติเข้าด้วยกันอย่างใกล้ชิด สะท้อนถึงพลังแห่งการหลอมรวมทางวัฒนธรรมที่ส่งเสริมให้ประชาชนทั่วประเทศสามัคคีกันอย่างใกล้ชิดทางด้านความคิดและจิตใจ ประชาชนไว้วางใจพรรคฯ และรัฐบาลในระดับสูง ตอบสนองข้อเรียกร้องและสนับสนุนการต่อสู้กับโรคระบาดด้วยปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กว่า 40,000 คนทั่วประเทศพร้อมใจกันรีบรุดสู่ด่านหน้า เจ้าหน้าที่ชุมชนระดับพื้นฐานแบกรับภารกิจหนักอย่างกล้าหาญและอุทิศตนด้วยความเสียสละ ผู้ปฏิบัติงานทางสังคม อาสาสมัคร และพนักงานส่งพัสดุด่วนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ทำงานอยู่แนวหน้า พรรคคอมมิวนิสต์จีนพึ่งพาประชาชนอย่างใกล้ชิดและเอาชนะสงครามประชาชนในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด แสดงให้เห็นถึง “จิตวิญญาณแห่งประเทศจีน” และ “พลังแห่งประเทศจีน” อย่างเต็มที่ สถานการณ์โดยรวมทางสังคมมีเสถียรภาพในระดับสูงและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย

ในทางตรงกันข้ามช่วงเกิดโรคระบาดสังคมสหรัฐฯ แตกแยกรุนแรงยิ่งขึ้น ความขัดแย้งทางเชื้อชาติก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาสังคมอย่างร้ายแรง เจ้าหน้าที่การแพทย์บางพื้นที่ในสหรัฐฯ พากันหยุดงานเนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนเพียงพอ ตำรวจในนิวยอร์กและที่อื่น ๆ ลาป่วยเป็นจำนวนมาก เกิดการเดินขบวนประท้วงเพื่อเรียกร้อง “ชีวิตคนผิวดำก็มีความหมาย” ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เหตุการณ์ทุบตี ปล้นสะดม และวางเพลิงเกิดขึ้นไม่จบสิ้น ผู้คนตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก

ความรับผิดชอบด้านศีลธรรมและความเป็นธรรมที่ร่วมชะตากรรมกับชาวโลกแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลระหว่างประเทศ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพรรคการเมืองที่แสวงหาความสุขแก่ประชาชน แสวงหาการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองแก่ประเทศชาติ และแสวงหาความกลมกลืนอันยิ่งใหญ่แก่ทั่วโลก อิทธิพลระหว่างประเทศกำลังเข้มแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในระหว่างการต่อสู้โรคระบาด พรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดมั่นในแนวคิดการสร้างประชาคมสาธารณสุขและสุขภาพที่มีอนาคตร่วมกันแห่งมนุษยชาติ แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบด้านศีลธรรมและความเป็นธรรมที่ร่วมชะตากรรมกับชาวโลก ซึ่งไม่เพียงแต่รับผิดชอบต่อความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของประชาชนจีนเท่านั้น หากยังอุทิศภูมิปัญญาและพลังแก่การต่อสู้กับโรคระบาดของทั่วโลกอีกด้วย จีนได้แจ้งข้อมูลโรคระบาดแก่องค์การอนามัยโลกและประเทศต่าง ๆ ในทันที แบ่งปันประสบการณ์ในการป้องกันควบคุมโรคระบาดและการรักษาช่วยเหลือผู้ป่วยกับทุกฝ่ายอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาคมระหว่างประเทศอย่างสุดกำลังความสามารถ บนพื้นฐานของผลสำเร็จเชิงยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับโรคระบาดภายในประเทศ จีนได้ส่งออกวัสดุและวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สนับสนุนการป้องกันและควบคุมโรคระบาดของทั่วโลกอย่างทรงพลัง

ในฐานะประเทศที่พัฒนาแล้วมากที่สุดในโลก สหรัฐฯ เคยปฏิเสธที่จะให้วัคซีนแก่ประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งบ่อนทำลายความร่วมมือในการต่อสู้โรคระบาดของโลกอย่างรุนแรง สหรัฐฯ ไม่คำนึงถึงศีลธรรม ความเป็นธรรมและความรับผิดชอบระหว่างประเทศ ดำเนินเกมทางการเมืองขนานใหญ่เรื่องการสืบค้นต้นตอของโควิด-19 ซึ่งเป็นประเด็นทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนได้กลายเป็นหัวโจกที่สร้าง “ไวรัสทางการเมือง” ทั่วโลก

แปลเรียบเรียงโดยภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน(CMG)