วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ : วิธีการวัดอัตราตายหลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด

เมื่อฉีดวัคซีนให้กับประชากรจำนวนมาก เราก็จะพบผลข้างเคียงจากการรับวัคซีน (adverse event following immunization – AEFI) มากขึ้นด้วย ระบบเฝ้าระวัง AEFI เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลข้างเคียงจากการรับวัคซีนไม่มากเกินกว่าผลดีจากการรับวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโรคลดการระบาดลง

ตัวอย่าง ของ AEFI ซึ่งมีมากกว่าประโยชน์ในอดีต ได้แก่ วัคซีนหนองฝีป้องกันไข้ทรพิษที่รุ่นเบบี้บูมทั่วโลกต้องปลูกฝีกันทุกคน วัคซีนนี้เป็นไวรัสที่มีชีวิตแต่ทำให้อ่อนฤทธิ์อ่อนลง (live attenuated vaccine) บางคนปลูกฝีให้เด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เด็กก็อาจจะมีอาการคล้ายไข้ทรพิษและเสียชีวิต หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีไข้ทรพิษในโลก องค์การอนามัยโลกก็ยกเลิกการปลูกฝีไป

วัคซีนอีกชนิดหนึ่งซึ่งเป็นไวรัสมีชีวิตเหมือนกัน คือ วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดหยอด เชื้อโปลิโอในธรรมชาติมีสามชนิด ติดต่อผ่านระบบทางเดินอาหาร เข้าร่างกายทางปาก เจริญเติบโตอยู่ในต่อมน้ำเหลืองของลำไส้ แล้วแพร่ไปในอุจจาระ วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอก็ทำในสิ่งเดียวกัน เข้าทางปาก ออกทางอุจจาระ แต่ที่ต่างกันคือวัคซีนไม่ทำอันตรายเด็กเหมือนเชื้อโปลิโอ ยกเว้นเด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง วัคซีนที่มีชีวิตนี้แพร่ออกไปทำให้เด็ก ๆ คนอื่นในพื้นที่ซึ่งสุขอนามัยไม่ดี มีอุจจาระปนเปื้อนในน้ำ เช่น ริมแม่น้ำลำคลองในประเทศยากจน พลอยได้รับวัคซีนจากอุจจาระของเด็กที่ได้รับวัคซีนแล้วไปด้วย

เมื่อรณรงค์หยอดวัคซีนโปลิโอไปได้มาก ๆ เชื้อบางชนิด คือ ชนิดที่สองก็หายไปจากโลก แต่บางทีเชื้อวัคซีนที่เชื่อง ๆ ก็กลับเป็นเชื้อสายพันธุ์ดุ (de-attenuate) แพร่ออกไปแทนเชื้อที่มาจากธรรมชาติ เดี๋ยวนี้ทั่วโลกจึงต้องตกลงกันว่าจะไม่เก็บเชื้อวัคซีนโปลิโอชนิดที่สองไว้ในที่ใดเลย ยกเว้นให้ห้องปฏิบัติการที่ปลอดภัยสูงสุดบางแห่งในโลกเพื่อเอาไว้เป็นสายพันธุ์อ้างอิงเท่านั้น ขณะเดียวกันประเทศที่มีฐานะดีก็ใช้วัคซีนตายแล้วแทนเพื่อลดปัญหา AEFI

คงอีกนานครับที่เชื้อโควิด หรือ SARS CoV 2 จะหมดไปจากโลก วัคซีนเป็นคำตอบสำคัญที่สุดที่มีอยู่ในการสู้กับโควิด แต่วัคซีนทุกชนิดก็มี AEFI เราจะได้ยินว่าวัคซีนที่มีประสิทธิผลสูงพวกที่ทำด้วยเทคโนโลยี m-RNA อย่างเช่นของไฟเซอร์และมอเดอร์นามีผลข้างเคียงมากที่สุด ถัดมาเป็นวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นตัวนำ เช่นของแอสตราเซเนกา แล้วจึงเป็นวัคซีนเทคโนโลยีโบราณอย่างเช่น ซิโนแวค และ ซิโนฟาร์ม ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ได้อย่างก็เสียอย่าง

 

ปัจจุบันสำนักงานหลักประกันสุขภาพประกาศว่าจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้ป่วยที่เสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะถ้ารอให้แพทย์พิสูจน์ว่าเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนหรือเหตุอื่น อาจจะต้องใช้เวลานาน และแพทย์อาจจะมีความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้เกิดความกังขา และทำให้ประชาชนกังวลที่จะฉีดวัคซีน ซึ่งส่งผลให้เชื้อสามารถระบาดต่อไปได้

นักระบาดวิทยามีวิธีการคำนวณอย่างหนึ่งที่จะติดตามว่าการเสียชีวิตหลังจากการฉีดวัคซีนมีมากน้อยเพียงไรเมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป เรียกเป็นภาษาทางเทคนิคว่า standardized mortality ratio หรือ SMR วิธีคำนวณไม่ยากครับ ลองอ่านดู

ปรกติสำนักงานสถิติแห่งชาติและสำนักงานทะเบียนราษฎรจะมีอัตราตายประจำกลุ่มอายุในประชากรทั่วไปอยู่แล้ว อัตราตายประจำกลุ่มอายุจากสูงสักหน่อยในเด็กเกิดใหม่ แล้วลดลงเมื่อเด็กโตขึ้น จากนั้นจะสูงขึ้นในผู้ใหญ่และผู้สูงวัย ยิ่งอายุมากยิ่งมีอัตราตายสูง

ในกระบวนการฉีดวัคซีน เรามีทะเบียนผู้ฉีดวัคซีน เช่น แอ็ป “หมอพร้อม” เนื่องจากมีเลขบัตรประชาชนสิบสามหลักอยู่ด้วย เราก็จะรู้ว่ากลุ่มอายุแต่ละกลุ่มมีการฉีดวัคซีนไปแล้วเท่าไร เราเอาอัตราตายในประชากรทั่วไปในกลุ่มอายุนี้ คูณกับจำนวนนี้ก็จะได้จำนวนที่คาดว่าคนฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุนั้นน่าจะเสียชีวิตในหนึ่งปีหลังการฉีดวัคซีน

เอาตัวเลขที่คาดว่าจะตายทุกกลุ่มอายุไปรวมกันเป็นจำนวนที่คาดการณ์ว่าคนฉีดวัคซีนจะตายในหนึ่งปี เสร็จแล้วเทียบกับ (หารด้วย) ตัวเลขที่ตายจริงคูณด้วย 100% ก็จะได้ SMR

ถ้า SMR สูงกว่า 100% ก็บ่งบอกว่ากลุ่มที่ฉีดวัคซีนมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าประชากรทั่วไป วัคซีนน่าจะมีปัญหา แต่ถ้าต่ำกว่า 100% ก็อาจจะบ่งชี้ว่ากลุ่มรับวัคซีนมีอัตราตายต่ำกว่า

ตัวเลขนี้ประเทศไทยควรจะเริ่มมีได้แล้ว เพราะเราฉีดวัคซีนไปหลายล้านคนแล้ว ตัวเลขจะแม่นยำมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

 

ผมเดาว่า SMR ในกลุ่มที่รับวัคซีนน่าจะต่ำกว่า 100% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่โควิดระบาดหนัก ๆ นอกจากเป็นเพราะวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว กลุ่มรับวัคซีนน่าจะมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่ำกว่ากลุ่มประชากรทั่วไป

แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันนะครับ เพราะเราให้ความสำคัญกับกลุ่มที่มีโรคเรื้อรังให้ได้รับวัคซีนก่อน กลุ่มรับวัคซีนจึงอาจจะมีอัตราตายสูงกว่ากลุ่มประชากรทั่วไปเพราะเหตุที่มีโรคประจำตัวมากกว่าก็ได้

ความตายเป็นเรื่องธรรมดาครับ สุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนหน่อย ทำประโยชน์มากหน่อยก็ดี ถึงเวลาจะต้องจากไปก็ถือซะว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจากโควิดหรือจากสาเหตุใดก็ตาม ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลครับ

อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ-บังเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป…

เตสัง วูปสโม สุโข-การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นความสุข