คนโดนสิงห์ : จัดหนัก

คอลัมน์ Technical Time-Out

แม้ฤดูกาลนี้ยังไม่จบ และ” “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด” กำลังมีลุ้นคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยติด และเป็นครั้งที่ 13 ในประวัติศาสตร์สโมสร แต่นอกจากสิ่งที่ว่ามายังไม่เกิดขึ้นแล้ว ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาฮันนีมูนระหว่าง “ซีเนอดีน ซีดาน” กับทีมที่หวานนักหวานหนาไม่กี่เดือนก่อน ใกล้ลงเอยด้วยการหย่าร้างเมื่อสิ้นสุดซีซั่น

เนื่องจากทีมต้องเสียหน้าอย่างหนักกับฟอร์มที่ตกต่ำในเกมลีกลาลีก้า สเปน จนต้องไล่ดมก้น “บาร์เซโลนา” คู่แค้นตลอดกาล ซึ่งนำเป็นจ่าฝูงชนิดช่องว่างห่างกันเป็นโยชน์ถึง 17 คะแนน จากการแข่งเกือบเท่ากัน (บาร์ซาเตะ 24 นัด – มาดริดเตะ 23 นัด)

ส่งผลให้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรทนไม่ได้ เตรียมยกเครื่องทีมทั้งหมดครั้งใหญ่

 

ย้อนไปช่วงต้นปี 2016 เปเรซจัดการปลด “ราฟาเอล เบนิเตซ” และดันซีดานอดีตตำนานนักเตะของทีม ที่ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมฟุตบอลชุดใหญ่ครั้งแรกในชีวิตมาก่อน เลื่อนขั้นจากโค้ชชุดสำรองขึ้นมาคุมทัพแทน ก่อนพามาดริดที่ลุ่มๆ ดอนๆ ในยุคราฟา พลิกนรกคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

ตามด้วยการเป็นทีมแรกตั้งแต่รายการนี้เปลี่ยนทั้งชื่อและระบบการเล่นจากยูโรเปี้ยนคัพเดิม ฤดูกาล 1992-1993 ที่สามารถป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นถัดมา 2016-2017 ได้ไม่พอ ยังนำทีมซิวแชมป์ลีกแดนกระทิงดุครั้งแรกในรอบครึ่งทศวรรษอีกต่างหาก

แต่ด้วยฟอร์มอันน่าหดหู่ของทีมชุดขาวในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะเกมลีกจนพลาดท่าคู่แข่งในลาลีก้าไปแล้วถึง 4 นัด ทั้งที่เพิ่งแข่งได้ 23 นัด ผิดกับปีก่อนที่ทีมแพ้แค่ 2 นัด ณ เวลานี้ และนั่งแท่นจ่าฝูงเหนือบาร์เซโลนา ไม่ใช่รูดมาอยู่อันดับ 4 จากการมี 45 คะแนนเหมือนตอนนี้

ซีดานจึงไม่วายเป็นปัญหาแรกที่เปเรซต้องปัดออกไปให้พ้นทีม ถึง “ซิซู” จะเป็นคนที่ฝ่ายหลังผลักดันมากับมือ และช่วยประหยัดงบประมาณสโมสรตลอดเวลาที่ทำทีมได้อย่างเหลือเชื่อ ผิดกับนโยบายที่เปเรซปิ๊งไอเดีย “กาลักติกอส” หรือการซื้อแต่นักเตะชื่อดังระดับโลกเข้ามาสู่ทีม

 

เป้าหมายโค้ชคนใหม่ของเปเรซ ได้แก่ “เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่” กุนซือหนุ่มฝีมือดีของ” “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์” ซึ่งสื่อสเปนบางแห่งเคยเผยว่า ทั้ง 2 คนเคยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันตั้งแต่สมัยอดีตแข้งทีมชาติอาร์เจนตินา ผันตัวจากนักเตะเอสปันญอลเป็นโค้ชให้ทีม และมีวี่แววจะเป็นไปได้สูงที่โปเช็ตติโน่จะไปแทนที่ซีดานซีซั่นหน้า

เพราะดูเหมือนเจ้าตัวกำลังจะ” “ตัน”” ในการคุมไก่เดือยทอง เนื่องจาก 2 ฤดูกาลก่อนหวิดพาทีมได้แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษครั้งแรกนับจากซีซั่น 1960-1961 ทว่าปีนี้คล้าย” “ไฟ”” ในตัวโปเช็ตติโน่กำลังจะหมดลงจนทีมอยู่แค่อันดับ 5 ของตารางคะแนนในเวลานี้

และมีแต้มตามผู้นำ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 20 คะแนน

 

สําหรับโครงการที่ใหญ่กว่าการเปลี่ยนตัวโค้ช คือการกลับไปใช้นโยบายกาลักติกอสไล่ล่าแข้งชั้นนำอีกรอบ เพื่อกู้หน้าที่แหกยับเยินในฤดูกาลนี้ แม้ 3 เป้าหมายใหญ่ที่ตกเป็นข่าวกับทีมมาตลอดทั้ง “เอเด็น อาซาร์” จาก “สิงห์บลู” เชลซี, “แฮร์รี่ เคน” จากสเปอร์ส และ “ดาบิด เด เคอา” จาก “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มาดริดยึกยักมาตลอดหลายปีหลัง พร้อมงบประมาณถึงครึ่งพันล้านปอนด์

ทว่า ที่มาแรงแซงโค้ง กลับเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก ทั้งปัจจุบันและอดีตอย่าง “เนย์มาร์” ซึ่งย้ายจากบาร์เซโลนา ไป “เปแอสเช” ปารีส แซงต์แชร์แมง ด้วยราคา 198 ล้านปอนด์ และ “ปอล ป๊อกบา” จากแมนฯ ยูไนเต็ด ที่เคยมีค่าตัวแพงสุดในโลก 89 ล้านปอนด์

รายแรกเริ่มมีข่าวเพียงไม่กี่เดือนแรกในถิ่นปาร์ก เดส์ แปร็งส์ จากการมีปัญหาแย่งยิงจุดโทษกับ “เอดินสัน คาวานี่” ศูนย์หน้าที่อยู่กับปารีสมาก่อน จนมีข่าวแคมป์แตก และ “ติอาโก้ ซิลวา” กัปตันทีมเปแอสเช ที่เป็นคนบราซิลเหมือนเนย์มาร์ ต้องออกมาเป็นกาวใจเคลียร์ให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้น

ส่วนกรณีป๊อกบาซึ่งย้ายมาแมนฯ ยูไนเต็ด ได้แค่ซีซั่นที่ 2 แต่กลับไปปีนเกลียว “โจเซ่ มูรินโญ่” กุนซือที่ยอมหัก แต่ไม่ยอมงอ กลายเป็นระเบิดเวลาที่รอวันปะทุขึ้นเท่านั้น

แล้วยิ่งเนย์มาร์กับป๊อกบา เคยเป็น 2 นักเตะที่มาดริดเกือบได้ตัวมาแล้ว ก่อนโดนบาร์ซา และแมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อตัดหน้าไปอย่างเจ็บแสบ ดูแล้วไม่น่าจะยากกับการเห็น 2 คนสวมชุดขาวไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อบวกกับอาซาร์, เคน และเด เคอา

มาดริดคงต้องจัดหนักด้วยเช็คระดับพันล้านปอนด์แน่นอน