ขยับหมาก ชงเอง ชิมเอง | จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ในภาคปฏิบัติ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตัดสินใจเดินขึ้นเขา “ไปต่อ” กับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” แน่นอน กับ พฤติกรรมที่สะท้อนผ่าน จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม

ที่มีมติเคาะแต่งตั้ง “นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค รทสช. ที่เพิ่งยื่นใบลาออกจากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แล้วสลับฟันปลาโยก “นายดิสทัต โหตระกิตย์” ที่ยื่นไขก๊อกจากเลขาฯ นายกฯ ก่อนหน้านี้ มานั่งแป้นที่ปรึกษานายกฯ

เป็นที่รู้กันว่า การที่ “บิ๊กตู่” ขยับหมาก ดัน “พีระพันธุ์” มานั่งเก้าอี้เลขาฯ นายกฯ เพื่อภารกิจไปต่อทางการเมืองเต็มตัว เพราะตำแหน่งนี้มีบทบาทสำคัญ มีอำนาจ บารมี เหนือกว่ารัฐมนตรีว่าการบางกระทรวงเสียด้วยซ้ำ ได้รับการขนานนามว่า “นายกฯ น้อย” ประสานสิบทิศได้ทั้งหน่วยงานภาครัฐ มวลชน นักการเมือง โรเตชั่นมา เพื่อจัดการสำหรับศึกเลือกตั้งหน้าล้วนๆ

ซึ่งสะดวก คล่องตัว เป็น “คุณ” หลายองค์ประกอบ เพราะ “พีระพันธุ์” ไม่เพียงแต่นั่งเก้าอี้นายกฯ น้อยตัวเดียว แต่ยังสวมหมวกอีกใบคือ “หัวหน้า รสทช.” พรรคที่จะเสนอชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 จึงเท่ากับกุมสภาพความได้เปรียบทางการเมืองในศึกเลือกตั้งอย่างชัดเจน เป็นรูปธรรมมากขึ้น

หลังชงเอง ชิมเอง อนุมัติ “เสี่ยตุ๋ย” เป็นเลขาฯ นายกฯ เรียบร้อย “บิ๊กตู่” เปิดคอร์สเปิบพิสดารการเมืองแบบโดยพลัน ตอนบ่ายวันเดียวกันนั้น เกี่ยวก้อยกันลงตรวจเยี่ยมสถานการณ์อุทกภัย น้ำท่วมที่จังหวัดสงขลา-พัทลุง

มีการระดม ส.ส.-ว่าที่ผู้สมัครพรรค รทสช.ในพื้นที่ภาคใต้มาต้อนรับการอย่างอบอุ่น ทั้ง “ศาสตรา ศรีปาน-พยม พรหมเพชร-ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี” ส.ส.สงขลาพรรคพลังประชารัฐที่จะย้ายสังกัด “เจือ ราชสีห์” ส.ส.บัญชีรายชื่อประชาธิปัตย์ “ปรีชา สุขเกษม” ว่าที่ผู้สมัคร

สองกรรมสองวาระ เป็นการส่งสัญญาณ ตอกย้ำหัวตะปูว่า “พล.อ.ประยุทธ์” จะแบนถนนสายการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์ ในการเลือกตั้งสมัยหน้า กับเรือลำใหม่ที่ชื่อ “รวมไทยสร้างชาติ”

ซึ่งก่อนหน้านี้ “บิ๊กตู่” เหมือนคนอมพระ พูดจาไม่เคยชัดถ้อยชัดคำ ยึกๆ ยักๆ ล้อไม่หมุนสักที เมื่อไม่มีวี่แววว่าจะไปต่อจริงหรือไม่ นักเลือกตั้งที่จะมาร่วมชายคา พากันเสียเซลฟ์ ตีกรรเชียงกลับถิ่นบ้านเก่าบ้าง ซมซานไปซบรังใหม่ ที่ภูมิใจไทยก็หลายราย

 

การที่ “พล.อ.ประยุทธ์” เลิกอมพะนำ แสดงความชัดเจนจาก 50 เป็น 100 เปอร์เซ็นต์เช่นนี้ ทำให้กลุ่ม ส.ส.ที่ออกตัวเร็ว เช่น “กลุ่มเพื่อนเฮ้ง” ของ “สุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ล้อหมุนก่อนใครเพื่อน ยื่นไขก๊อกออกจากผู้อำนวยพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถือว่าเทใจหมดหน้าตัก

“เสี่ยเฮ้ง” ซื้อหวย “บิ๊กตู่” ล่วงหน้า ยกล็อต ส.ส.ออกจากสังกัดเดิมจำนวน 12 คน กางรายชื่อให้ดูหมด ไม่มีแทงกั๊ก ทำท่าจะนั่งหน้าจ๋อยกันไปหมดเหมือนกัน แต่ล่าสุดเกิดอาการฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” แสดงความชัดเจน

“เสี่ยเฮ้ง” คอนเฟิร์ม “ผมยืนหยัดกับ พล.อ.ประยุทธ์ เป้าหมายหลักทางการเมืองคือติดตาม พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ติดตามพรรคการเมือง การทำงานของผมยึดที่ตัวบุคคล ไม่ได้ยึดพรรค”

อย่างไรก็ตาม การลังเลไม่รู้จะเล่นช็อตไหนของ “บิ๊กตู่” ทำให้ไพร่พลที่คิดจะย้ายค่ายมาซบ รรสช. พากันถอดใจร้องไอ้เสือถอย กันมากพอสมควร แม้แต่ “ซุ้มเสี่ยเฮ้ง” มีข่าวว่าจะมากันแพ็กเกจใหญ่ 10-13 คน จากโซนภาคกลาง-ตะวันออกจาก “ชลบุรี-จันทบุรี-ระยอง-สมุทรปราการ-สระบุรี-ฉะเชิงเทรา-กทม.-ราชบุรี-กาญจนบุรี-เพชรบุรี” จำนวนหนึ่งพากันถอดใจ ย้ายไปสังกัดภูมิใจไทย-บางส่วนไปเพื่อไทยก็มี

บวกกับประเด็นดราม่า ว่าด้วยองคาพยพของ รทสช.ที่มีการวางตัว วางบทบาท มอบตำแหน่งกันมาก่อนล่วงหน้าแล้ว แบบล็อกกระดานกันตั้งแต่ลงเสาเข็ม โดยเฉพาะตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค” ต้องเป็นของคนรุ่นใหม่ที่ชื่อ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” การที่ “เสี่ยเฮ้ง” แม้จะขน ส.ส.เข้าไปเติมเต็มจำนวนมาก ให้ดูดี มีภาษีมากกว่าก็จริง แต่คงเบียดแทรก ชิงตำแหน่งแม่บ้านพรรค “ยาก”

ที่เหลือสิ่งอื่นใด คือความเชื่อ ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธ “2 ต.” คือ “ต.ตู่” กับ “ต.ตุ๋ย” เป็นคนดี พวกเขาจะนิยาม คนดีย่อมทำความดี และไม่ค่อยจะเชื่อว่า คนอื่นก็เป็นคนดี เมื่อคิดว่าคนอื่นไม่ดี ก็เชื่อว่าทำดีไม่เป็น จึงมองไม่เห็นหัว ไม่คิดว่ามีค่าพอที่ควรจะยกย่อง แล้วยังมีกลิ่นดูถูกดูแคลน สบประมาทอีกต่างหาก

แค่มีข่าวว่า มี “ขาใหญ่” ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม ใช้บารมีนัด ส.ส.ที่กำลังจะย้ายมาสังกัด รทสช. ไปดินเนอร์กับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เอาสิ่งที่เห็นต่าง เห็นตรงกัน มาถอดเสื้อคุยกัน ในเซฟเฮาส์แห่งหนึ่งย่านซอยอารีย์ จำนวน 40 คนเมื่อวีกเอ็นที่ผ่านมา

การกินข้าว ดื่มไวน์ หรือกาแฟ กับบุคคลที่จะมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาให้แล้วไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย เป็นบวกในทางการเมืองด้วยซ้ำ ที่ “บิ๊กตู่” จะได้ลงมาคลุกฝุ่น สัมผัสกับบรรดานั่งร้านให้กับตนเองในอนาคต ปกติชอบนั่งอยู่บนหอคอยงาช้างมาตลอด

ปรากฏว่า “ลุงตู่” ปฏิเสธเสียงเข้ม เสียงเขียว ว่าไม่เป็นความจริง “ไปเอาข่าวมาจากไหน ส.ส. 40 คนเอาข่าวมาจากไหน ผมไม่เคยกินข้าวอะไรกับใครเลยนะ จะบอกให้”

นี่คือจุดสลบของ “พล.อ.ประยุทธ์” แม้จะดำรงตำแหน่งนายกฯ นานมาแล้ว แต่ความเป็นนักการเมืองไม่มี ลักษณะไม่ประนีประนอม มีความแข็งกร้าว ชงหวานไม่เคยเป็นแล้ว ความรู้สึกดีๆ มิตรไมตรีกับคนการเมืองแย่มากๆ

ก้าวเท้ามายืนอยู่ในโลกมืดนาน 8 ปีเข้าให้แล้ว ยังคิดว่าตัวเอง “ขาวสะอาด” อยู่อีกหรือ