เผยแพร่ |
---|
การเป็น”เป้าใหญ่”ในทางการเมือง ไม่ว่าโดย”จงใจ” หรือ สถานการณ์ ทำให้”ต้องเป็น”
สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก็คือต้องเผชิญแรงเสียดทานอย่างสูง
ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ รับมือให้ดี
ไม่เช่นนั้น อาจ”พัง”ได้ง่ายๆ
อย่างกรณี นายมิ่งสรรพ์ แสงสุวรรณ ที่”จงใจ”ทำให้เป็น”เป้าใหญ่”เอง
ด้วยการใช้เวทีเปิดตัวเข้าพรรคพลังประชารัฐ มัดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่า จะมอบตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯให้
ปรากฏว่า แทนที่จะได้รับเสียงปรบมือต้อนรับ
กลับกลายเป็นเสียงโห่ฮาแทน โดยเฉพาะจากคนในพรรคพลังประชารัฐเอง
ทำให้อนาคตที่จะก้าวเดินไปกับพรรคพลังประชารัฐ เผชิญขวากหนามตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเข้าพรรคเลยทีเดียว
ไม่รู้จะฟันฝ่าไปได้แค่ไหน หรือจะต้องหยุดตั้งแต่ปากประตูเท่านั้น
ส่วนอีกคน ที่เป็น”เป้าใหญ่”มาตลอด และยังคงเป็นเป้าใหญ่ต่อไป
นั่นคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ซึ่งตอนนี้ เป็นเป้าใหญ่ ทั้งในฐานะ ผู้จะไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีก 2 ปี ที่เจ้าตัว ก็ได้ยอมรับออกมาแล้ว
และ ที่กำลังถูกคาดคั้นให้เป็น “เป้าใหญ่”อีกเป้า
คือจะไปมีบทบาทในพรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างไร และจะชัดเจนที่จะเป็นแคนดิเดต ของพรรคนี้เมื่อใด
ใน 2 ประการหลังนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขานรับด้วยเสียง”อือ-อือ”
คือไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ถึงกับขานรับ
ด้วยยังไม่อยากเป็น”เป้าใหญ่”ให้ชัดเจนนัก
แถมยังออกมาบอกในตอนหลังอีกว่ายังเป็นนายกฯที่พรรคพลังประชารัฐเสนออยู่
ไม่ได้ทิ้งที่พี่ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปเด็ดขาด อย่างที่เข้าใจกัน
สะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ต้องการเป็นเป้าใหญ่อย่างเต็มตัวกับพรรครวมใจสร้างชาติ
ประสงค์เป็นความกำกวมทางการเมือง ที่จะเป็นประโยชน์ กับการขับเคลื่อนแบบลับ ลวง พราง มากกว่า
ซึ่งก็คงเหมือนกับพรรคเพื่อไทยที่ตอนนี้ ยังอุบไต๋ แคนดิเดตนายกฯของพรรคเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
ด้านหนึ่งเป็นการสร้างความเร้าใจทางการตลาด ให้คนติดตาม อย่างที่ว่า
อีกด้านหนึ่ง ก็อย่างที่บอกเมื่อเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯแล้ว ต้องกลายเป็นเป้าใหญ่
เป้าใหญ่ที่จะถูกนานาเรื่องทั้งบวกและลบถาโถมเข้าใส่
ดังนั้น เมื่อยังไม่สุกงอม ก็อุบไต๋ไว้ จะเป็นประโยชน์กว่า
เราจึงยังไม่เห็นแคนดิเดตนายกฯชัดๆของพรรคเพื่อไทยตอนนี้
แต่กระนั้น ด้วยสถานการณ์จำเป็นทำให้(หนึ่งใน)แคนดิเดตนายกฯต้องเปิดตัวออกมาแสดงตน
โดยเฉพาะ เมื่อพรรคเพื่อไทย ต้องเปิดแคมเปญ “คิดใหญ่ ทำเป็น” ออกมา
คนที่เปิดแคมเปญ ก็ต้องใหญ่ด้วย
นี่จึงทำให้ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร ต้องขึ้นเวทีเป็นผู้ถือธงนำ
ซึ่งแม้ในทางการตลาดจะประสบความสำเร็จ คือเปรี้ยงปร้าง ตามที่ต้องการ
แต่ กระนั้นกระแสวิพากษ์ก็ถาโถมเข้าใส่น.ส.แพรทองธาร ในฐานะ”เป้าใหญ่”อย่างหนักหน่วง
ที่ร้อนระอุอยู่ในขณะนี้ก็คือประเด็นค่าแรง 600 เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ในปี 2570
ซึ่งจะทำได้-ไม่ได้ อย่างไร คงยากจะพิสูจน์ได้ตอนนี้
แต่ ในทางการเมือง เราได้เห็นกับขับเคลื่อนของขั้วตรงข้าม กระหน่ำไม่ยั้ง ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์
เรื่อยไปถึงการให้”นักร้อง”เข้าไป ตั้งแท่นใช้องค์กร”อิสระ”เข้ามาจัดการ ตามเกมที่ถนัด
แน่นอน การถล่ม”เป้าใหญ่”มิได้มีเพียงเรื่อง นโยบายเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ก็มีความพยายามที่จะลากดึงน.ส.แพรทองธาร และครอบครัวชินวัตร เข้าไปเกี่ยวข้องกับ”ทุนสีเทา”ของจีน อย่างหนักหน่วง
ซึ่งแน่นอนคงไม่จบแค่นี้ เปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯตัวจริงเมื่อไหร่เจอขีปราวุธถล่มอีกหลายระลอก
“เป้าใหญ่”ทั้งหลาย จึงมีทางวิบากที่รอให้เผชิญ ต้องเตรียมตัวให้ดี
——————–