วิบาก”เป้าใหญ่” | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

การเป็น”เป้าใหญ่”ในทางการเมือง ไม่ว่าโดย”จงใจ” หรือ สถานการณ์ ทำให้”ต้องเป็น”

สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก็คือต้องเผชิญแรงเสียดทานอย่างสูง

ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ รับมือให้ดี

ไม่เช่นนั้น อาจ”พัง”ได้ง่ายๆ

อย่างกรณี นายมิ่งสรรพ์ แสงสุวรรณ ที่”จงใจ”ทำให้เป็น”เป้าใหญ่”เอง

ด้วยการใช้เวทีเปิดตัวเข้าพรรคพลังประชารัฐ มัดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่า จะมอบตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯให้

ปรากฏว่า แทนที่จะได้รับเสียงปรบมือต้อนรับ

กลับกลายเป็นเสียงโห่ฮาแทน โดยเฉพาะจากคนในพรรคพลังประชารัฐเอง

ทำให้อนาคตที่จะก้าวเดินไปกับพรรคพลังประชารัฐ เผชิญขวากหนามตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเข้าพรรคเลยทีเดียว

ไม่รู้จะฟันฝ่าไปได้แค่ไหน หรือจะต้องหยุดตั้งแต่ปากประตูเท่านั้น

ส่วนอีกคน ที่เป็น”เป้าใหญ่”มาตลอด และยังคงเป็นเป้าใหญ่ต่อไป

นั่นคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ซึ่งตอนนี้ เป็นเป้าใหญ่ ทั้งในฐานะ ผู้จะไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีก 2 ปี ที่เจ้าตัว ก็ได้ยอมรับออกมาแล้ว

และ ที่กำลังถูกคาดคั้นให้เป็น “เป้าใหญ่”อีกเป้า

คือจะไปมีบทบาทในพรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างไร และจะชัดเจนที่จะเป็นแคนดิเดต ของพรรคนี้เมื่อใด

ใน 2 ประการหลังนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขานรับด้วยเสียง”อือ-อือ”

คือไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ถึงกับขานรับ

ด้วยยังไม่อยากเป็น”เป้าใหญ่”ให้ชัดเจนนัก

แถมยังออกมาบอกในตอนหลังอีกว่ายังเป็นนายกฯที่พรรคพลังประชารัฐเสนออยู่

ไม่ได้ทิ้งที่พี่ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปเด็ดขาด อย่างที่เข้าใจกัน

สะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ต้องการเป็นเป้าใหญ่อย่างเต็มตัวกับพรรครวมใจสร้างชาติ

ประสงค์เป็นความกำกวมทางการเมือง ที่จะเป็นประโยชน์ กับการขับเคลื่อนแบบลับ ลวง พราง มากกว่า

ซึ่งก็คงเหมือนกับพรรคเพื่อไทยที่ตอนนี้ ยังอุบไต๋ แคนดิเดตนายกฯของพรรคเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

ด้านหนึ่งเป็นการสร้างความเร้าใจทางการตลาด ให้คนติดตาม อย่างที่ว่า

อีกด้านหนึ่ง ก็อย่างที่บอกเมื่อเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯแล้ว ต้องกลายเป็นเป้าใหญ่

เป้าใหญ่ที่จะถูกนานาเรื่องทั้งบวกและลบถาโถมเข้าใส่

ดังนั้น เมื่อยังไม่สุกงอม ก็อุบไต๋ไว้ จะเป็นประโยชน์กว่า

เราจึงยังไม่เห็นแคนดิเดตนายกฯชัดๆของพรรคเพื่อไทยตอนนี้

แต่กระนั้น ด้วยสถานการณ์จำเป็นทำให้(หนึ่งใน)แคนดิเดตนายกฯต้องเปิดตัวออกมาแสดงตน

โดยเฉพาะ เมื่อพรรคเพื่อไทย ต้องเปิดแคมเปญ “คิดใหญ่ ทำเป็น” ออกมา

คนที่เปิดแคมเปญ ก็ต้องใหญ่ด้วย

นี่จึงทำให้ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร ต้องขึ้นเวทีเป็นผู้ถือธงนำ

ซึ่งแม้ในทางการตลาดจะประสบความสำเร็จ คือเปรี้ยงปร้าง ตามที่ต้องการ

แต่ กระนั้นกระแสวิพากษ์ก็ถาโถมเข้าใส่น.ส.แพรทองธาร ในฐานะ”เป้าใหญ่”อย่างหนักหน่วง

ที่ร้อนระอุอยู่ในขณะนี้ก็คือประเด็นค่าแรง 600 เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ในปี 2570

ซึ่งจะทำได้-ไม่ได้ อย่างไร คงยากจะพิสูจน์ได้ตอนนี้

แต่ ในทางการเมือง เราได้เห็นกับขับเคลื่อนของขั้วตรงข้าม กระหน่ำไม่ยั้ง ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์

เรื่อยไปถึงการให้”นักร้อง”เข้าไป ตั้งแท่นใช้องค์กร”อิสระ”เข้ามาจัดการ ตามเกมที่ถนัด

แน่นอน การถล่ม”เป้าใหญ่”มิได้มีเพียงเรื่อง นโยบายเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ก็มีความพยายามที่จะลากดึงน.ส.แพรทองธาร และครอบครัวชินวัตร เข้าไปเกี่ยวข้องกับ”ทุนสีเทา”ของจีน อย่างหนักหน่วง

ซึ่งแน่นอนคงไม่จบแค่นี้ เปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯตัวจริงเมื่อไหร่เจอขีปราวุธถล่มอีกหลายระลอก

“เป้าใหญ่”ทั้งหลาย จึงมีทางวิบากที่รอให้เผชิญ ต้องเตรียมตัวให้ดี

——————–