วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ : โควิดชายแดนใต้ปลาย พ.ศ. 2564 ตอนที่ 4 ยุทธการชิงตัวประกันและปลดปล่อยเชลยจากโควิด

กราฟการระบาดของโควิดในโลกเป็นรูประลอกคลื่น ตอนนี้เป็นท้ายระลอกที่ห้า ซึ่งได้ลดลงสู่ระดับฐานเรียบร้อยแล้ว การตายจากโควิดในอินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม รวมทั้งไทยเรา ก็ลดลงจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรมากนัก

สถานการณ์โควิดในภาคใต้ของไทยก็คงจะมีแนวโน้มแบบเดียวกัน คนตายไม่มากขึ้น เพียงแต่ว่าตัวเลขการติดเชื้อรายใหม่ยังเป็นที่กวนใจไม่ลงชัดเจนสักที

เราจะพยายามควบคุมอย่างไรก็หยุดยั้งความสามารถของโควิดไม่สำเร็จ แต่อีกด้านหนึ่งผมสงสัยโควิดกำลังฉีดวัคซีนตามธรรมชาติให้คนชายแดนใต้อยู่ เราอาจจะไม่ต้องดิ้นรนทำอะไรกันให้มากก็อาจจะได้ เพราะอัตราตายก็ต่ำ อีกไม่นานอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็จะลดลงตามอัตราตาย เราจะได้ภูมิต้านทานจากการระบาดมากกว่าภูมิต้านทานจากวัคซีนเสียอีก อย่างไรก็ตาม ราคาที่เราจะต้องจ่าย คือ จะมีคนป่วยหนักและตายอยู่จำนวนหนึ่ง ถึงแม้ไม่มากมาย แต่เราก็ไม่อยากสูญเสียโดยไม่จำเป็น

เอาเป็นว่า ถึงแม้โควิดจะอยู่ในขาลงแล้ว เราก็จะลุกไล่ต่อเพื่อลดการสูญเสียจากโควิดก็แล้วกัน

 

ผมเขียนหัวเรื่องในว่าเป็นการชิงตัวประกัน เพราะเรามีประชาชนที่โควิดขู่ฆ่าอยู่ ซึ่งก็ได้แก่ผู้สูงอายุ (เกิน 60 ปี) กลุ่มคนที่มีโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ที่เรียกรวมกันว่า 60-8 ซึ่งเราต้องแย่งชิงจากโควิดให้ได้ด้วยการรีบเข้าไปค้นหาและฉีดวัคซีน

อีกส่วนหนึ่งของหัวข้อ คือ การปลดปล่อยเชลย เชลยไม่ได้ถูกโควิดขู่ฆ่าโดยตรง แต่ถูกกักบริเวณอยู่ในค่ายกักกันเชลย ซึ่งผมหมายถึงแรงงานจำนวนมากซึ่งถูกกักตัวให้อยู่ในโรงงานด้วยระบบ bubble and seal ไม่สามารถออกมาดูโลกภายนอกเหมือนเราท่านทั้งหลาย เพราะวันร้ายคืนร้านมีระเบิดโควิดไปลง โรงงานก็จะประสบปัญหาการผลิต ขาดทุน พนักงานก็ตกอยู่ภาวะลำบาก เราต้องเร่งรุกรบปลดปล่อยเชลยเหล่านี้ออกมาด้วยการฉีดวัคซีน คืนชีวิตชีวาให้กับระบบอุตสาหกรรมซึ่งเป็นเศรษฐกิจหลักของประเทศด้วย ไม่ใช่ปลดปล่อยเฉพาะระบบบริการการท่องเที่ยวเท่านั้น

กิจกรรมการควบคุมโควิดที่เราทำอยู่ทั่วไปที่เราเรียกว่าบูรณาการ ประกอบด้วย การค้นหาผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ที่สงสัยด้วยการตรวจคัดกรอง ATK จัดคัดแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชนหรือให้อยู่เฉพาะในบ้าน (home isolation) แจกถุงยังชีพ ชุดตรวจ ATK ให้ความรู้และฉีดวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมาย เปรียบเสมือนการรบแบบหน่วยลาดตระเวณ คือ หาข่าวไปด้วย รบไปด้วย ทำอะไรต่ออะไรหลาย ๆ อย่าง

บูรณาการแบบนี้ฟังดูดี แต่ผมเกรงว่าอาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอในการชิงตัวประกัน 60-8 และปลดปล่อยเชลยโควิดจากโรงงาน เนื่องจากไปเสียเวลาไปปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ซึ่งชาวบ้านได้รับเชื้อโควิดไปเรียบร้อยแล้ว การตรวจคัดกรองก็ไม่ไวพอ คนที่ติดเชื้อก็มีมากจนหาที่กักตัวให้ไม่ไหว เวลาสำหรับการฉีดวัคซีนก็ไม่มาก การฉีดวัคซีนก็ไม่ปลอดภัยพอเพราะเงื่อนไขการทำงานไม่พร้อม

ถ้าเราศรัทธาวัคซีนมาก และเชื่อว่าการฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันปัญหาม้วนเดียวจบ ไม่ต้องกลับมาคัดกรองใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมเราไม่เน้นที่การฉีดวัคซีน ทำไมต้องไปเสียเวลาค้นหาผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการซึ่งเรารู้แล้วว่าเป็นงานที่ไม่รู้จักจบ

 

เรากล้าไหมที่จะหลับหูหลับตาชั่วคราว ลืมเรื่องการค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ (ซึ่งมีอยู่ไม่สิ้นสุด) เสียบ้าง เน้นเฉพาะการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด โดยเริ่มต้นจากกลุ่ม 60-8 และลุยฉีดเข้าไปปลดปล่อยโรงงาน โดยต้องฉีดสองรอบห่างกันหลายสัปดาห์ ถ้ากำลังพลพยายาลไม่พอก็ขอความช่วยเหลือจากภาคอื่นมาช่วยกันลุย ทำอย่างนี้สักสองเดือนโดยไม่มีวันหยุดงานสงครามโควิดรอบนี้น่าจะจบลงได้

ผมไม่ได้แนะนำให้ละทิ้งผู้ป่วย แต่เสนอว่าเอาเวลาและความพยายามที่จะค้นหาผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ไม่มีอาการไประดมฉีดวัคซีนแทน อย่างไรเสียเราก็มีผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการอยู่ในชุมชนต่าง ๆ ล้นหลามจนตรวจไม่ไหวอยู่แล้ว เรายังคงคำแนะนำเขาว่าใครมีอาการให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเผื่อจำเป็นจะต้องนอนโรงพยาบาล ไม่มีอาการก็ไม่ต้องตรวจ ไปทำมาหากินได้ตามปรกติ เพราะคนที่ทำมาหากินอยู่เขาก็มีเชื้อกันไม่น้อย ประเทศตะวันตกเขาก็ทำอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว

การไปทำมาหากินตามปรกติ ไม่ได้หมายถึงกันละเลยมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ คัดกรองอุณหภูมิ และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีผู้คนแออัด ทุกอย่างยังต้องปฏิบัติอย่างเข้มงวด ถ้าความเชื่อของผมถูกต้องว่าอย่างไรเสียคนจำนวนมากในชุมชนก็มีเชื้อโดยไม่มีอาการอยู่แล้ว การที่เราไปคัดกรองคนบางส่วนแล้วเอาเขามากักทำให้เขาต้องคอยรับความช่วยเหลือจากคนอื่น ในขณะที่คนแบบเดียวกันอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ตรวจมีอิสรภาพในชีวิต และหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ การไปคัดกรองเขาโดยไม่จำเป็นจึงอาจจะเป็นทำร้ายเขาโดยสังคมไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจากนี้ยังเป็นการบั่นทอนเศรษฐกิจของชุมชนเราเองด้วย

ในด้านหนึ่งผมก็เหมือนประชาชนทั่วไป ไม่รู้ว่าวัคซีนอยู่ไหน มีเท่าไหร่ เห็นตั้งท่าอยู่เรื่อย เมื่อไหร่จะฉีดกันจริงจังสักที อีกด้านหนึ่งผมก็คิดเหมือนกันว่าถ้าจะฉีด 60-8 ให้ได้ครอบคลุมจริง ๆ อาจจะยากกว่าที่คิด

ตามหลักของ Time-motion study (การศึกษาทางวิศวอุตสาหกรรม ว่าด้วยการเคลื่อนไหวของคนทำงาน ทำอย่างไรจึงจะเคลื่อนไหวน้อยที่สุดและได้งานมากที่สุด) การตั้งสถานีประจำฉีดวัคซีนให้คนเดินทางมารับวัคซีนเป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพกว่าหน่วยเคลื่อนที่วัคซีนเคลื่อนที่มาก ทั้งนี้เพราะกลุ่มเป้าหมายอยู่กระจัดกระจาย ทีมงานต้องเสียเวลาเดินทาง การจัดตั้งสถานีฉีดวัคซีนที่กระจายตัวทางภูมิศาสตร์อย่างเหมาะสมก็จะช่วยลดการเดินทางของประชาชนได้มาก

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเปราะบางที่ยากไร้เข้าถึงสถานีฉีดวัคซีนได้ยากกว่าชนชั้นกลางที่มีการศึกษา การฉีดวัคซีนจึงมักจะพลาดกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญนี้ ถ้าจะฉีดวัคซีนให้เป็นยุทธการใหญ่จริง ๆ ต้องมีการจัดตั้งการเดินทางของกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงสถานีฉีด รวมทั้งมีแรงจูงใจต่าง ๆ ให้ครบวงจร

 

ในประเทศสแกนดิเนเวีย ผู้ป่วยทุกคนที่ไปโรงพยาบาลสามารถรับเงินสนับสนุนค่าเดินทางไปกลับจากรัฐได้ เพราะรัฐเข้าใจดีว่าอุปสรรคของการรับบริการไม่ได้มีเพียงค่ายาเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ รวมทั้งการเดินทาง

ในประเทศไทยเอง การวิจัยพบว่าการรักษาวัณโรคดื้อยาหลายขนานในระยะต้น ๆ ผู้ป่วยต้องฉีดยาต่อเนื่องทุกวัน ต้องเสียเวลาและเสียเงินเดินทาง ทั้งเสียเวลาทำมาหากิน เป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยรับยาได้ไม่ครบ เมื่อเปลี่ยนเป็นการรักษาโดยยากินเท่านั้น และให้เงินสนับสนุนช่วยเหลือครอบครัว การรักษาก็ได้ผล โรคที่อันตรายนี้ก็ลดลงจากประเทศไทย เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

กลับมาเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด เนื่องจากการเดินทางของกลุ่มเป้าหมายที่ยากไร้เป็นปัญหาที่สำคัญ นอกจากการสั่งการแล้ว ท่านผู้บริหารระดับสูงควรต้องพิจารณาเตรียมระดมทรัพยากรเงินทองมาช่วยด้านนี้ ท่านผู้ใจบุญก็ควรพิจารณาว่าการสนับสนุนให้กลุ่มเป้าหมายที่ยากไร้ได้เข้าถึงวัคซีนโดยไม่มีอุปสรรคเรื่องการเงิน อาจจะเป็นการบริจาคที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการบริจาคถุงยังชีพให้คนถูกกักบริเวณโดยไม่มีอาการ

เรื่องช่วยเหลือการเดินทางไปรับวัคซีนเป็นเรื่องทางสังคมซึ่งเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ใช่วิชาชีพแพทย์หรือพยาบาลทำได้อยู่แล้ว ไม่ควรต้องใช้พยาบาล เราต้องจัดสรรกำลังแพทย์และพยาบาลไปทำงานที่วิชาชีพอื่นทำไม่ได้ คือ ดูแลการฉีดวัคซีนที่สถานี ซึ่งต้องนอกจากเทคนิคทางวิชาชีพในการฉีดยาแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความพร้อมของอุปกรณ์และสถานที่ซึ่งจะอำนวยความปลอดภัยของผู้รับวัคซีนจากผลข้างเคียงด้วย

 

ขออภัยผู้รับผิดชอบในการแก้ปัญหาโควิด บทความนี้อาจจะค่อนข้างดุดัน (aggressive) และคิดต่าง (contrary) จากสิ่งที่ท่านทำอยู่ ผมกำลังหักล้างความเชื่อหลาย ๆ อย่างของท่านด้วยบทความบทเดียว ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้

ผมหักล้างว่าโควิดภาคใต้ตอนนี้อาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะทั่วโลกและเมืองไทยโควิดเป็นขาลง และอัตราป่วยตายของเราในภาคใต้ก็ต่ำอย่างผิดสังเกต ด้วยความเชื่อนี้ ผมหักล้างต่อไปว่าแม้เราอาจจะไม่ทำอะไรมากโควิดก็จะลดลงเอง ดังนั้น เราไปค้นหาหรือกักตัวผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ที่เหลือนิดเดียวที่ผมยังไม่ค่อยกล้าคิดนอกกรอบมากกว่านี้ คือ ผมยังเห็นว่าวัคซีนเป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันกลุ่มเปราะบางและปลดปล่อยแรงงานออกจากการกักตัวอยู่เฉพาะในโรงงาน และถ้าเราจะระดมเรื่องวัคซีน เราก็ต้องคิดให้รอบคอบและเบ็ดเสร็จและจัดการให้เข้มข้นมากกว่าที่ทำมาในอดีต

เชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้นะครับ