ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 พฤษภาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
3 ปี รัฐประหาร ปฏิกิริยา เริ่มขยายวง จากพวกเดียวกัน
ยิ่งใกล้วันที่ 22 พฤษภาคม มากเพียงใด บรรยากาศแห่งการประเมินและให้ความหมายกับรัฐประหารเมื่อ 3 ปีก่อนยิ่งดำเนินไปอย่างคึกคัก เข้มข้น มากเพียงนั้น
ภายในจำนวนนี้จะปรากฏ 2 กระแส
กระแส 1 ให้ค่าและความหมายของรัฐประหารค่อนข้างสูง กระแส 1 ให้ค่าและความหมายของรัฐประหารค่อนข้างต่ำ
แน่นอนกระแสแรกมาจาก “คสช.” และที่แวดล้อม “คสช.”
ขณะเดียวกัน กระแสหลังที่เป็นจุดเด่นเป็นอย่างมากอาจมาจากพรรคเพื่อไทย และพันธมิตรของพรรคเพื่อไทยคือ นปช. คนเสื้อแดง
นี่เป็น “กระแส” ที่สามารถเข้าใจได้
กระนั้น ปรากฏการณ์ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ เมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 ของการรัฐประหาร ส่วนที่เคยแนบแน่นอยู่กับกระแสที่ 1 กระทั่งอาจดำรงอยู่ในฐานะกองเชียร์และให้การสนับสนุนกลับเริ่มแปรเปลี่ยนและแยกตัวออกมา แม้ไม่ถึงระนาบเดียวกันกับพรรคเพื่อไทยหรือ นปช. แต่ก็เริ่มเห็นผลงานและความสำเร็จของ คสช. และรัฐบาลตามความเป็นจริง
ความเป็นจริงนั้นน่าสนใจที่สอดรับกับที่พรรคเพื่อไทยและ นปช. ตั้งข้อสังเกตมาอย่างต่อเนื่อง
รัฐประหาร 2557
รัฐประหาร 2549
เจตนาของรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ความต้องการยังเป็นเหมือนกับเมื่อรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 คือ ต้องการโค่นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
เพราะเห็นว่าพรรคเพื่อไทย คือความต่อเนื่องจากพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทย
ความหมายอันเป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางในกาลต่อมาก็คือ เห็นว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นรัฐประหาร “เสียของ”
เพราะไม่สามารถทำลายความนิยมทางการเมืองของพรรคไทยรักไทยลงได้
จึงเด่นชัดยิ่งว่า การก่อรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ก็เพื่อสานต่อเจตจำนงเดิมของรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ให้เป็นจริง
การจัดการกับคนของพรรคเพื่อไทยและ นปช. จึงเข้มข้นยิ่งขึ้น
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จึงวางกรอบไม่ว่าการเลือกตั้ง ไม่ว่าพรรคการเมือง ไม่ว่าองค์กรอิสระ ที่พุ่งปลายหอกอย่างเข้มข้นเพื่อกีดกันและตีกรอบให้กับพรรคเพื่อไทยและ นปช.
จับขังคุกได้ก็ขัง ถอดถอนได้ก็ถอดถอน ยึดทรัพย์ได้ก็ยึด
จุดต่างของ คสช.
บทเรียนจาก คมช.
เมื่อรัฐประหารสำเร็จ คสช. ไม่เดินตามรอยของ คมช. ด้วยการมอบอำนาจให้คนอื่นเหมือนที่ คมช. มอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
จากนั้นอีก 1 ปีต่อมาก็จัดการเลือกตั้ง
ตรงกันข้าม คสช. ยึดกุมทั้งอำนาจการทหารและอำนาจทางการเมือง หัวหน้า คสช. ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
แม้มีการจัดตั้ง “แม่น้ำ 5 สาย” แต่อยู่ในความควบคุมของ “คสช.”
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ประกาศอย่างแจ้งชัดว่าแม้จะมีการเลือกตั้ง แต่ก็เป็นการเลือกตั้งภายใต้กฎกติกาที่ คสช. กำหนดไว้ ไม่ว่าจะโดยโครงสร้างการเลือกตั้ง โครงสร้างสมาชิกวุฒิสภา โครงสร้างองค์กรอิสระและการจัดวางยุทธศาสตร์ล่วงหน้า 20 ปี
อำนาจของ คสช. ที่อยู่ในกองทัพยังกำกับและควบคุมการเมืองต่อไปภายใต้รัฐธรรมนูญ
สะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า แม้ไม่มีบันได 4 ขั้น แต่ คสช. ก็มีองค์ประกอบและเครือข่ายอย่างบริบูรณ์ในการบริหารจัดการ
ทั้งโดยตรง ทั้งโดยอ้อม
อำนาจเบ็ดเสร็จ
เริ่มถูกตรวจสอบ
นับแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ประกาศและบังคับใช้ในเดือนเมษายนเป็นต้นมา บรรยากาศทางการเมืองดำเนินไปอย่างคึกคัก
เพราะเท่ากับเป็นบาทก้าวที่วันเวลาแห่งการเลือกตั้งใกล้เข้ามา
แม้อำนาจของ คสช. ไม่ว่าโดยกองทัพ ไม่ว่าโดยรัฐบาล ไม่ว่าโดยองค์กรอิสระจะดำรงอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็เริ่มมีการออกมาตรวจสอบและทดสอบพลานุภาพมากยิ่งขึ้น
แน่นอน ยังมาจากพรรคเพื่อไทย ขณะที่ นปช. เริ่มเงียบเสียงลงเพราะติดคดีความ
กระนั้น ปรากฏการณ์หนึ่งซึ่งอยู่นอกเหนือความคาดคิดของ คสช. ก็คือ ปรากฏการณ์อันมาจากกลุ่มการเมืองที่เคยเห็นด้วยกับกระบวนการรัฐประหาร นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ต่อเนื่องมายังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
“ปฏิกิริยา” นี้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ “ใหม่”
อาจไม่ได้เกิดขึ้นใน 1 ปีของรัฐประหาร อาจไม่ได้คึกคักใน 2 ปีของรัฐประหาร แต่กลับมีมากยิ่งขึ้นเป็นอย่างยิ่งในปีที่ 3
การประเมินผลงานและความสำเร็จของการรัฐประหารจึงดำเนินไปอย่างเข้มข้น