คุยกับทูต : “โปแลนด์” วาลเดอมาร์ ดูบันยอฟสกี้ จิตวิญญาณแห่งความเป็นเอกภาพ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับยุโรปในปัจจุบัน

สาธารณรัฐโปแลนด์เป็นประเทศในตอนกลางของยุโรป ก่อตั้งมากว่า 1,000 ปีก่อนภายใต้ราชวงศ์เปียสต์ (Piast dynasty) และถึงยุคทองตอนปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 16 ภายใต้ราชวงศ์ยาเกียลลอน (Jagiellonian dynasty) เป็นยุคที่โปแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยและมีอำนาจมากที่สุดในยุโรป

ในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ.1791 สภาล่างเซย์ม (Sejm) ของเครือรัฐโปแลนด์-ลิทัวเนีย ได้รับรัฐธรรมนูญพฤษภาคมของโปแลนด์ (May Constitution of Poland) รัฐธรรมนูญร่างฉบับแรกของยุโรป และฉบับที่ 2 ของโลก ตามหลังรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา

หลังจากนั้นไม่นาน โปแลนด์ได้ถูกแบ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ออสเตรีย และปรัสเซีย ได้รับเอกราชใหม่ในปี ค.ศ.1918 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นสาธารณรัฐโปแลนด์ที่ 2 (Second Polish Republic)

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โปแลนด์กลายเป็นรัฐบริวารที่เป็นคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียต ภายใต้ชื่อสาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์ (People”s Republic of Poland) ใน ค.ศ.1989 การเลือกตั้งกึ่งเสรีครั้งแรกในโปแลนด์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด มีการดิ้นรนเพื่อเสรีภาพของขบวนการโซลิดาริตี้ (Solidarity movement) เป็นการพ่ายแพ้ของผู้นำคอมมิวนิสต์ของโปแลนด์ และก่อตั้งสาธารณรัฐโปแลนด์ที่ 3 (Third Polish Republic) ในปัจจุบัน ตามด้วยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ในปี ค.ศ.1997 ในปี ค.ศ.1999 โปแลนด์ได้เข้าร่วมองค์การนาโต และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปในปี ค.ศ.2004

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเป็นวาระครบรอบ 40 ปี “ความเป็นเอกภาพ” หรือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของโปแลนด์ โดยขบวนการโซลิดาริตี้ (SOLIDARITY) ได้เคลื่อนไหวทางสังคมในวงกว้างในการต่อต้านรัฐ โดยใช้วิธีดื้อแพ่งเพื่อแสดงสิทธิของชนชั้นแรงงานและความต้องการเปลี่ยนแปลงทางสังคม

 

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทย นายวาลเดอมาร์ ดูบันยอฟสกี้ (His Excellency Mr. Waldemar Dubaniowski) ซึ่งมารับตำแหน่งเมื่อปลายเดือนกันยายน ปี ค.ศ.2017 เขตอาณาครอบคลุมประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว ได้เปิดเผยถึงวาระสำคัญดังกล่าวว่า

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมเฉลิมฉลองกับเพื่อนชาวไทยและชุมชนทางการทูตในโอกาสครบรอบ 40 ปีแห่งความเป็นเอกภาพ (SOLIDARITY) การเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพของโปแลนด์, สัญลักษณ์สากลแห่งการต่อต้าน, หินก้อนแรกในโดมิโนหรือลูกโซ่แห่งการเปลี่ยนแปลง และสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดคือเครื่องหมายทางจิตวิญญาณของโปแลนด์”

“เมื่อ 40 ปีที่แล้วในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ.1980 มีการลงนามข้อตกลงกดัญสก์ (Gda?sk Agreement) ระหว่างกองกำลังที่อู่ต่อเรือเลนินในกดัญสก์และหน่วยงานคอมมิวนิสต์ สิ่งนี้นำไปสู่การจัดตั้ง SOLIDARITY – การเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพของโปแลนด์ ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจหยุดยั้งและไม่สามารถย้อนกลับได้ ในยุโรปตะวันออกทั้งหมด”

“ตอนนั้นผมยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น แต่ยังคงจำความตึงเครียดทางการเมืองทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนัดหยุดงานและการประท้วงของคนงานได้เป็นอย่างดี เป็นความกลัวครั้งแรกของการแทรกแซงทางทหารในเวลานั้น แต่ที่สำคัญที่สุด คือเกิดความรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเลก วาเลซา (Lech Walesa) ช่างไฟฟ้าธรรมดาและประธานของ Solidarno?? (Solidarity) ลงนามในข้อตกลงกดัญสก์ ซึ่งสำหรับพวกเราชาวโปแลนด์ นับเป็นช่วงเวลาแห่งความสามัคคีและความสุขที่น่าจดจำอย่างแท้จริง”

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหตุการณ์ในเดือนสิงหาคม 1980 มีความสำคัญสำหรับยุโรปทั้งหมดเพราะยุโรปมีส่วนทำให้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในโปแลนด์ล่มสลาย รวมทั้งกลุ่มโซเวียต (Soviet Bloc) ในทศวรรษต่อมา ความเป็นเอกภาพเป็นโดมิโนตัวแรกที่กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งภูมิภาคและกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้าน”

“ความเป็นเอกภาพ ในฐานะขบวนการที่เป็นมากกว่าบทอันรุ่งโรจน์ในประวัติศาสตร์โปแลนด์ ซึ่งยังคงดำรงอยู่ในชีวิต ในหัวใจ และในความทรงจำของชาวยุโรป ที่ชะตากรรมได้รับอิทธิพลจากการปฏิวัติอย่างสันติโดยรากเหง้าของชาวโปแลนด์ และนั่นทำให้ 40 ปีนับแต่ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุผลในการเฉลิมฉลองร่วมกันของเรา”

 

“ผมเชื่อว่า ความทรงจำแห่งชัยชนะของขบวนการ SOLIDARITY ทำให้สามารถนำเสรีภาพ ประชาธิปไตยและความหวังกลับคืนมาสู่ประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันออก ยังคงเป็นแรงบันดาลใจและแผนงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ท้าทายของเรา”

“สำหรับเรา ชาวโปแลนด์ – ความเป็นเอกภาพ (Poles – SOLIDARITY) กลายเป็นเครื่องหมายการค้าระดับชาติที่มีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคุณธรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก”

“SOLIDARITY ในฐานะที่เป็นคุณค่าสากลนั้นปราศจากขอบเขตและมีความจำเป็นอย่างมากทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับโลก โดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เราซาบซึ้งมากยิ่งขึ้น และผมเชื่อว่า ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราจะประสบความสำเร็จในการเอาชนะความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อนดั่งที่เราเผชิญในวันนั้น เพราะเราเชื่อในพลังของความเป็นเอกภาพ”

“ผมขอแสดงความปรารถนาดีมายังเพื่อนชาวไทยที่รักทุกท่าน และถือโอกาสนี้เชิญชวนทุกท่านอ่านบทความ “จิตวิญญาณแห่งความเป็นเอกภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับยุโรปในปัจจุบัน” (The spirit of SOLIDARITY is necessary for today”s Europe) เขียนโดยนายกรัฐมนตรีของโปแลนด์ มาเตอุสซ์ โมราวีสกี้ (Mateusz Morawiecki) ที่มีการตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงหลายฉบับเพื่อเข้าร่วมในการระลึกถึงความเป็นเอกภาพทั่วโลก”

“ตามข้อความดังต่อไปนี้”

 

 

สัมพันธภาพระหว่างประเทศต่างๆ ในยุโรปกำลังถูกทำให้เป็นรูปเป็นร่างโดยกฎแห่งความเป็นเอกภาพ ซึ่งเป็นการรับประกันที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างอนาคตที่ดีกว่าของยุโรป

สี่สิบปีที่แล้ว ระหว่างเดือนแห่งฤดูร้อนของปี ค.ศ.1980 ยุโรปแตกต่างจากภาพลักษณ์ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ทวีปถูกแบ่งโดยม่านเหล็ก ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเส้นอุปมาแห่งการแบ่งแยกทางการเมืองเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว เส้นนั้นได้แบ่งแยกเหล่าประเทศเสรีประชาธิปไตย ประเทศต่างๆ ที่ต้องยินยอมจากการถูกลิดรอนอธิปไตยของตนและทั้งหมดยังต้องพึ่งพาอาณาจักรโซเวียต

หนึ่งในบรรดาประเทศเหล่านั้น คือ บ้านเกิดเมืองนอนของข้าพเจ้า-โปแลนด์ ประเทศซึ่งสูญเสียพลเมืองประมาณ 6 ล้านคนในระหว่างสงคราม ครึ่งหนึ่งของจำนวนนั้นเป็นคนเชื้อสายยิวโดยกำเนิด นับเป็นความหายนะซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่เราจะสามารถลุกขึ้นมาใหม่

และเราก็ได้พยายาม ช่วงถูกกดขี่ให้ตกเป็นทาสหลังสงครามครั้งต่อมาอันเป็นช่วงที่เราเป็นสาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์ ชาวโปแลนด์ไม่ยอมแพ้ในการทำความฝันของพวกเขาให้สำเร็จ ทั้งในการตัดสินใจด้วยตนเอง เสรีภาพ และอิสรภาพ เราไม่เคยยอมรับการตัดสินที่อยุติธรรมของประวัติศาสตร์

นี่คือเหตุผลว่าทำไมความพยายามดิ้นรนต่อสู้อย่างกล้าหาญกับระบอบที่พึ่งพามอสโกจึงเกิดขึ้น แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดนั้นไร้ผล อำนาจคอมมิวนิสต์ระงับการประท้วงทางสังคมอย่างโหดเหี้ยม ทำการสอดแนมสังคม และห้ามทำสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพในศิลปะและงานประพันธ์ แม้การโหมกำลังต่อไปในแต่ละครั้งทำให้จำนวนเหยื่อรายใหม่เพิ่มขึ้น แต่ความหวังก็มิได้อันตรธานหายไป

ผลพวงแห่งความหวังนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ.1980 เป็นความสำเร็จที่แท้จริง เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถจินตนาการได้ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของกลุ่มโซเวียต เป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจและชื่นชมไปทั่วโลกในเวลาเดียวกันทำให้โลกอัศจรรย์ใจและยกย่องในเวลาเดียวกัน

โดยหลังจากคนงานในอู่ต่อเรือและสถานที่ทำงานอื่นๆ นัดหยุดงานอย่างต่อเนื่องทั่วโปแลนด์ ในที่สุดพรรคเผด็จการคอมมิวนิสต์ก็ต้องยอมก้มหัวให้ สัญญาถูกทำขึ้นเพื่อการสร้างสหภาพการค้าครั้งแรกซึ่งเป็นอิสระและปกครองตนเอง นั่นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆ จากกลุ่มโซเวียต

นี่คือสาเหตุที่ “ความเป็นเอกภาพ” (Solidarity) ได้ถือกำเนิดขึ้น สำหรับทางการ นั่นคือ องค์กรสหภาพการค้า (Trade Union organization) แต่ที่จริงแล้วมันคือขบวนการทางสังคมทั่วประเทศซึ่งได้ผนึกให้พลเมืองโปแลนด์หลายล้านคนรวมตัวเป็นหนึ่ง เป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยความศรัทธา ศรัทธามาจากไหน?

เราได้สร้างประเทศจนกระทั่งถึงปัจจุบันจากจารีตทางการเมืองอายุเก่าแก่หลายร้อยปี – ด้วยความรัก เสรีภาพและประชาธิปไตย จากที่เป็นส่วนหนึ่งของยุโรป ซึ่งโปแลนด์เป็นหนึ่งในส่วนที่เคลื่อนไหวมากที่สุดเป็นเวลาหลายพันปี แต่จากแรงบันดาลใจที่พระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 (Pope John Paul II) ทรงประทานให้สังคมชาวโปแลนด์ด้วย

การเลือกท่านให้เป็นประมุข กลายเป็นบ่อเกิดแห่งความหวังและความแข็งแกร่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

หลังจากหลายปีผ่านไป เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า “ความเป็นเอกภาพ” (Solidarity) เป็นหินก้อนเดียวที่ทำให้เกิดการถล่มทลาย และผลกระทบคือ การล่มสลายของม่านเหล็กในปี ค.ศ.1989 ขอบคุณ “ความเป็นเอกภาพ” ที่ทำให้โปแลนด์เป็นอิสระจากขอบข่ายของโซเวียต (Soviet zone) และยุโรปสามารถกลายเป็นหนึ่งและรวมตัวกันทั้งหมดได้อีกครั้ง

แม้ว่าสี่สิบปีผ่านไปแล้วนับตั้งแต่การถือกำเนิดของ “ความเป็นเอกภาพ” (Solidarity) แต่อุดมคติของเรื่องนี้ยังคงอยู่และควรจะคงอยู่เพื่อเรา เราชาวโปแลนด์มิได้เก็บไว้เป็นของที่แสดงในพิพิธภัณฑ์ แต่เป็นคุณค่าที่บ่งบอกมาตรฐานความเป็นอยู่ของสาธารณชน เป็นรูปแบบเฉพาะซึ่งเราปรารถนา แต่ “ความเป็นเอกภาพ” หมายถึง บางสิ่งที่มากกว่าสังคมทางการเมืองตามที่เอ่ยอ้าง

“ไม่มีเสรีภาพถ้าปราศจากความเป็นเอกภาพ” (There is no freedom without solidarity) – เราจดจำพระราชดำรัสของพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 เหล่านั้นได้ และเราระลึกได้ด้วยว่า ไม่มีความเป็นเอกภาพหากปราศจากความรัก และถ้าปราศจากทั้งสองสิ่งนี้ – ก็จะไม่มีอนาคตเช่นกัน

เมื่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ไฟไหม้ พายุหมุน โจมตีสังคมของเรา – ความเป็นเอกภาพ (Solidarity) ไม่เพียงแต่กลายเป็นหนึ่งในกฎข้อหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการปฏิบัติ แต่ยังเป็นการนำไปสู่สภาพการยังชีพด้วย

เราจะเห็นสิ่งนี้ได้โดยสังเกตการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ความช่วยเหลือที่ไม่มีข้อแม้ การเสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ความซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ความเห็นอกเห็นใจ การปราศจากความกลัวและความเห็นแก่ตัว – รูปแบบต่างๆ ดังกล่าวถูกแสดงออกในช่วงที่ยากลำบากที่สุดโดยบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ช่วยแพทย์ เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ เภสัชกร รวมทั้งพนักงานขายของ ครู เจ้าของกิจการ และพลเมืองทั่วไปอีกหลายแสนคนด้วย ขอขอบคุณในทัศนคติของพวกเขาที่ทำให้เราเห็นได้ว่า ความเป็นเอกภาพ คือสิ่งที่ปฏิบัติได้จริง

อย่างไรก็ตาม ความเป็นเอกภาพ (Solidarity) นั้นสูงค่ากว่าที่จะถูกจดจำไว้เพียงแค่ในช่วงเวลาวิกฤตเท่านั้น ชีวิตประจำวันควรจะต้องเต็มไปด้วยอุดมคตินี้ ความเป็นเอกภาพ ควรจะแสดงออกในแต่ละวันด้วยความเมตตา ความช่วยเหลือ ความเปิดกว้าง และความเข้าใจ เพื่อที่จะค้นพบคุณค่าเหล่านั้น เราต้องใส่ใจอย่างลึกซึ้งต่อความคงอยู่ของเราเองเพื่อจะได้รู้จักคุณภาพที่สง่างามงามทั้งหมดเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น

บุคคลทุกคนที่ค้นพบจิตวิญญาณของความเป็นเอกภาพ (Solidarity) จะเข้าใจว่ามันไม่สามารถเก็บไว้เป็นเรื่องเฉพาะตนได้ ความเป็นเอกภาพต้องการชุมชนซึ่งมันสามารถจะถูกเติมเต็มให้ได้ นี่คือสาเหตุที่ทำไมเราจึงควรยอมรับความเป็นเอกภาพว่าเป็นกฎขั้นพื้นฐานของชีวิตโดยรวม เรากำลังพบว่าความเป็นเอกภาพมีมากขึ้นโดยเฉพาะปัจจุบันนี้ เมื่อชาวโปแลนด์หลายล้านคน เช่นเดียวกันผู้ที่อยู่ในประเทศยุโรปอื่นๆ กำลังดิ้นรนต่อสู้กับผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโรคระบาด การลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในการระบาดของไวรัส และการใช้กลยุทธ์ต่อต้านวิกฤตอย่างรวดเร็วกล้าหาญ ปกป้องทั้งเจ้าของกิจการและลูกจ้าง ครอบครัวของเขา และรัฐบาลของประเทศทั้งหมด – ทุกสิ่งทุกอย่างนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราไม่ได้รับการชี้แนะในการกระทำต่างๆ ของเราด้วยการเริ่มต้นด้วยความเป็นเอกภาพ

จิตวิญญาณแบบเดียวกันนี้เป็นสิ่งที่ยุโรปต้องการในปัจจุบัน เรามาถึงจุดพลิกผันด้วยกัน และเราต้องรีบออกไปจากจุดนี้ด้วยกัน เป็นหนึ่งประชาคม ในช่วงเวลาการทดลอง สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือกันอย่างแท้จริงนั้นควรจะอยู่เหนือความเห็นแก่ตัว เราต้องการยุโรปที่เข้มแข็งเช่นเดียวกับที่เราต้องการโปแลนด์ที่เข้มแข็ง

ข้าพเจ้ารู้สึกได้ว่าเรากำลังจะจัดรูปแบบของอนาคตร่วมกันตราบเท่าที่เราสืบทอด “ความเป็นเอกภาพ” เป็นรากฐานแห่งกิจกรรมต่างๆ ของเรา

 

สี่สิบปีหลังจากเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.1980 แห่งความทรงจำ ปัจจุบัน งานหลักของเราคือ การทำให้ “ความเป็นเอกภาพ” ไม่ใช่เป็นเพียงหนึ่งหน้าของประวัติศาสตร์ชาติโปแลนด์ แต่ให้อยู่ในสายตาของชาวโลกเป็นพิเศษด้วย

เราควรสร้างความเป็นเอกภาพให้เป็นโครงการของยุโรปทั้งหมด

นี่คือเหตุผลที่เหตุใดความเป็นเอกภาพ จึงเป็นข้อเสนอของเราเพื่อการพัฒนาในทศวรรษที่กำลังจะมาถึง

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ ในยุโรป – ไม่ว่าจะมีขนาดและศักยภาพทางเศรษฐกิจแบบใด – ควรมีรูปแบบของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งในทางกลับกัน เป็นลักษณะตามธรรมชาติโดยกฎแห่งความเป็นเอกภาพอันเป็นการรับประกันที่เชื่อถือได้ว่า

นี่คือการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้ยุโรป