เมื่องานวันเด็กแห่งชาติ วันเสาร์แรกของเดือนมกราคม 2563 มีเพื่อน OSK 80 (นักเรียนสวนกุหลาบรุ่น 80) ได้พบกับเพื่อนร่วมรุ่น รศ. (พิเศษ) ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และเป็นผู้คร่ำหวดในวงการแพทย์ที่ทำงานเกี่ยวกับโรคติดเชื้อมาตลอดชีวิต รวมทั้งเป็นที่ปรึกษา รมต.สาธารณสุข

พบกันในงานวันเด็กที่โรงพยาบาลเด็ก ถนนราชวิถี ตอนนั้นโคโรนาไวรัสหรือ เพิ่งเริ่มเกิดขึ้นครั้งแรกในโลกที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ยังเป็นเพียงข่าวเล็กๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ในเมืองไทยและทั่วโลก

แต่หมอทวีที่ผ่านการเผชิญและเอาชนะมาแล้วทั้งวิกฤตไข้หวัดนก และซาร์ส บอกว่า

อู่ฮั่นไวรัสคราวนี้น่ากลัวมาก เราจะประมาทไม่ได้เลย

 

ผลของโควิด-19 เริ่มแพร่กระจายในจีน ในช่วงแรกจีนพยายามปิดข่าว จนไวรัสลามไปทั่ว ขยายกว้างไกลไปในเอเชีย ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ไทย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ฮ่องกง และประเทศอื่นๆ

ในยุโรป ระบาดหนักสุดในอิตาลี มีผู้ป่วยเป็นอันดับสองของโลกรองจากจีน และมีคนตายมากกว่าจีนแล้ว คนป่วย 47,021 ราย คนตาย 4,032 ราย ในจีนตาย 3,248 ราย (20 มีนาคม 2020) สเปน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี แทบทุกประเทศในยุโรปโดนหนัก

ไวรัสแพร่กระจายไปในอเมริกา มีคนป่วย 18,756 ราย ตาย 235 ราย (20 มีนาคม 2020) แต่อเมริกายังไหวตัวทันที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกคำสั่งไม่ให้คนจีนและคนต่างชาติที่เดินทางผ่านจีนเข้าอเมริกาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2020 การระบาดในอเมริกาจึงเป็นไปตามสภาพที่ไม่มีคนจีนมาเกี่ยวข้อง

แตกต่างจากการระบาดในอิตาลีและยุโรปที่โดนหนัก เพราะไม่ปิดกั้นการเดินทางของคนจีน

จีนแถลงว่าไม่พบการติดเชื้อโคโรนาไวรัสในประเทศเป็นวันที่สามติดต่อกัน มีแต่ผู้ติดเชื้อนำเข้าจากต่างประเทศ 41 ราย (21 มีนาคม 2020) แสดงว่าการป้องกันการระบาดในจีนทำได้ผลแล้ว

ชาวโลกต่างชื่นชมจีนเหมือนอัศวินผู้ชนะศึกโคโรนาไวรัส

 

ในระหว่างที่ทำศึกสู้โคโรนาไวรัส จีนก็ทำศึกสงครามจิตวิทยาโจมตีแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสนี้ให้ออกห่างตัวไปด้วย

เริ่มแรกบล็อกเกอร์จีนเขียนปล่อยข่าวส่วนหนึ่งเป็นภาษาไทยว่า อเมริกาส่งสายลับมาปล่อยเชื้อไวรัสในตลาดค้าส่งสัตว์ในอู่ฮั่น อ้างหลักฐานสอดคล้องกับการซ้อมป้องกันไวรัสระบาดในนิวยอร์กเมื่อเดือนตุลาคม 2019 รวมทั้งอ้างคำกล่าวว่าอเมริกาสั่งประเทศลูกน้องปิดกั้นจีน ยกเลิกเที่ยวบินไปจีน

ช่วงนั้นการบินไทยก็เริ่มยกเลิกเที่ยวบินไปจีน แสดงว่า TG เป็นลูกน้องอเมริกาในความหมายนี้

ต่อมามีโพสต์ที่ไปถ่ายรูปถังขยะสีเหลือง 7-8 ใบ แล้วเขียนข้อความภาษาจีนมีคำแปลภาษาไทย ต่อมามีโพสต์ออกมาเป็นภาษาจีนมีคำแปลภาษาอังกฤษ ความว่า

ถังขยะเหล่านั้นคือถังใส่เชื้อโรคโคโรนาไวรัสของอเมริกาที่มาปล่อยที่เมืองอู่ฮั่น แล้วทิ้งถังไว้ที่สถานกงสุลอเมริกันในอู่ฮั่น จีนไปเจอถังพวกนี้เมื่ออเมริกาปิดสถานกงสุลไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม การเขียนโจมตีเหล่านี้เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล จะเขียน “เอามัน” อย่างไรก็ได้

แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ จีนให้ Lijian Zhao โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ออกมาแถลงเมื่อมีนาคม 17, 2020 ว่า

เขาอ้างถึงทฤษฎี the conspiracy theory (ทฤษฎีสมคบคิด) ว่าสหรัฐอยู่เบื้องหลังไวรัส

“มันน่าจะเป็นกองกำลังทหารอเมริกันที่นำเชื้อไวรัสไปเผยแพร่ที่ (ตลาดสัตว์) อู่ฮั่น อเมริกาจะต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่าง”

เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ เพราะการแถลงของโฆษกกระทรวงต่างประเทศถือว่าเป็นท่าทีอย่างเป็นทางการของรัฐบาลปักกิ่ง

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐเรียกอุปทูตจีนประจำวอชิงตัน ดี.ซี. ไปรับหนังสือประท้วง

ก่อนหน้านั้นทางจีนได้ปล่อยข่าวเรื่องโคโรนาไวรัสว่าออกมาจากอเมริกา โดยอ้างถึงผู้อำนวยการ CDC (Centers for Disease Control and Prevention) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งอเมริกา ที่แถลงต่อสภาว่า อเมริกาไม่รู้ว่าคนป่วยตายเป็นโคโรนาไวรัส จนมีการผ่าศพพิสูจน์ ดังนั้น จึงสงสัยว่า

โคโรนาไวรัสเกิดในอเมริกาก่อนจะไประบาดในอู่ฮั่นหรือไม่

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนยังอ้างว่า เชื้อไวรัสรั่วออกมาจากแล็บของกองทัพบกสหรัฐที่ Fort Detrick รัฐแมรีแลนด์ หรือไม่ เพราะเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แล็บนี้ถูกปิดเนื่องจากมีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้น

เขายังโยงเหตุการณ์ที่ประจวบกับบิล เกตส์ และหลายหน่วยงานของสหรัฐซ้อมจำลองป้องกันไวรัสระบาดในนิวยอร์กเมื่อเดือนตุลาคม 2019 ว่าทำไมมาคล้ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่อู่ฮั่นในวาระต่อมา

Lijian Zhao ยังแถลงสงสัยว่า เมื่อกลางเดือนตุลาคม 2019 เมืองอู่ฮั่นเป็นเจ้าภาพแข่งกีฬาทหารโลก อเมริกาส่งทหารมาเข้าแข่ง 369 คน ได้เหรียญเงินไปหนึ่งเหรียญ เหรียญทองแดง 2-3 เหรียญ

จีนสงสัยว่าทหารอเมริกันเหล่านั้นทำไมแข่งกีฬาไม่เก่ง

“จะเป็นไปได้ไหมที่ทหารอเมริกันจะมาเพื่อมาที่ตลาดสัตว์อู่ฮั่นแล้วปล่อยเชื้อไวรัสไว้”

ทั้งหมดที่ Lijian Zhao แถลง ล้วนแต่ไม่มีหลักฐาน เป็นเรื่องปะติดปะต่อจาก “ทฤษฎีสมคบคิด” ทั้งนั้น ถ้าเป็นคนธรรมดาเสนอความคิดเห็น ก็ไม่มีความหมายอะไร

แต่นี่เป็นการแถลงของโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน จึงหมายถึงความคิดเห็นของรัฐบาลจีน

เท่ากับจีนกล่าวหาสหรัฐอย่างเป็นทางการในทุกหัวข้อที่กล่าวมาแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น สำนักข่าวซินหัว (China Xinhua News) กระบอกเสียงของรัฐบาลจีน ภาคภาษาไทย ยังออกบทความ 3 ตอนกล่าวหาว่าอเมริกาเป็นตัวปล่อยเชื้อโคโรนาไวรัสใส่จีน

รวมทั้งออกบทความภาษาอังกฤษเหมือนกันด้วย

บทความ 3 ตอนนั้น ตอนที่ 1 อ้างความเห็นของนักวิจัยจีนและญี่ปุ่น ตอนที่สองอ้างความเห็นของสถานีโทรทัศน์อาซาฮี ญี่ปุ่น ตอนที่สามอ้างความเห็นของสถานีโทรทัศน์ในไต้หวัน

เข้าใจว่าซินหัวในภาคภาษาอื่นๆ คงแปลบทความโจมตีอเมริกา 3 ตอนนี้เป็นภาษาท้องถิ่นนั้นๆ ด้วยทุกแห่ง

 

ทั้งหมดเห็นได้ชัดว่าเป็นกระบวนการ “ไอโอ” ของจีนว่าโคโรนาไวรัสปล่อยออกมาจากอเมริกา

ดังนั้น การแถลงข่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ทำเนียบขาวเรื่องโคโรนาไวรัสในวันรุ่งขึ้น พุธที่ 18 มีนาคม 2020 ทรัมป์จึงเรียก

“Coronavirus ว่า Chinese Virus”

เมื่อมีนักข่าวถามว่า การเรียกว่า Chinese Virus ไม่เป็นการเหยียดผิว (racist) หรือ ทรัมป์ตอบว่า

“ไม่เป็นการเหยียดผิวเลย ไม่, ไม่เลย เพราะมัน (ไวรัส) มาจากเมืองจีน”

“It”s not racist at all. No, not at all. It comes from China. That”s why. It comes from China. I want to be accurate”

ทรัมป์ย้ำว่าทำไม เพราะว่ามันมาจากเมืองจีน เขาต้องการทำ (เรียก) ให้ถูกต้อง

ทรัมป์ยังพูดอีกว่า “พวกเขา (จีน) บอกว่า ทหารเราเอาไวรัสไปปล่อยไว้”

“ทหารเราไม่เคยเอาไวรัสไปปล่อยที่ประเทศไหนทั้งนั้น”

หลายสื่อในอเมริกาบอกว่า ทรัมป์ได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้วในการตอบโต้ข้อกล่าวหาของจีน

จากวันนั้น สื่อมวลชนและรัฐบาลอเมริกันก็ใช้คำว่า Chinese Virus ตลอด เมื่อพูดถึงการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสในอเมริกา

ยังความเจ็บแค้นให้จีนเป็นยิ่งนัก

สมาชิกสภาสายเหยี่ยวยังออกความเห็นว่า Chinese Virus หลุดออกมาจากแล็บทหารแถวอู่ฮั่นนั่นแหละ

ข้อพิพาทมาถึงจุดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2020 ส.ส.พรรครีพับลิกันเสนอทรัมป์ให้ฟ้องรัฐบาลจีน เรียกค่ารักษาผู้ติดเชื้อ (Chinese Virus Wuhan Virus) โดยอ้างว่าไวรัสที่ระบาดอยู่ในอเมริกานี้มาจากประเทศจีน (Virus from China) เป็นเงิน $ 1,000 ล้านเป็นค่ารักษาพยาบาล

และให้ยึดเงินจากพันธบัตรสหรัฐที่จีนถืออยู่ $ 1.05 ล้านล้านเหรียญมาจำนวน 1 แสนล้านเหรียญ เป็นค่าความเสียหายอื่นๆ ของสหรัฐ อันเกิดจากการระบาดของ Chinese Virus

นอกจากนี้ สหรัฐยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีผู้ป่วยจาก Chinese Virus ให้ร่วมกับสหรัฐฟ้องร้องรัฐบาลจีนเรียกค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ติดเชื้อ และเรียกค่าเสียหายอื่นๆ เช่นเดียวกับสหรัฐด้วย