มงคล วัชรางค์กุล : ศึกอิหร่านของทรัมป์ “เราปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้งสงคราม เราไม่ได้ทำสงคราม”

ข่าวใหญ่ในอเมริกาและเป็นข่าวใหญ่ของโลกรับปีใหม่เมื่อมกราคม 3, 2020 คือ

ข่าวการสังหารนายพลคัสเซม โซไลมานี (Qassem Soleimani) บุคคลสำคัญหมายเลข 2 ของอิหร่าน ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ Quds Force ของ IRGC (Islamic Revolution Gard Corps) กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามอิหร่าน

Quds Force คือหน่วยรบพิเศษที่ดูแลให้ความสนับสนุนปฏิบัติการของกองกำลังกลุ่มต่างๆ นอกแผ่นดินอิหร่าน

กองกำลังภายใต้การสนับสนุนของ Quds Force ปฏิบัติการในอิรัก, ซีเรีย, เลบานอน, เยเมน, ปาเลสไตน์ และล่าสุดกองกำลังอัลซาบับในเคนยาก็เผยตัวออกมาว่าได้รับการสนับสนุนจาก Quds Force ที่เข้าโจมตีกองบัญชาการสหรัฐแอฟริกา (US Africa Command) ที่แคมป์ซิมบาชายฝั่งเคนยา

การแผ่อิทธิพลของ Quds Force มีทั้งด้านการรบ, การข่าวกรอง, ปฏิบัติการพิเศษ และอยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาลในประเทศเขตอิทธิพลของอิหร่าน

และนั่นคือเหตุผลสำคัญที่นายพลโซไลมานีมาปรากฏกายเป็นเป้าสังหารของอเมริกาที่สนามบินแบกแดด ประเทศอิรัก

 

แหล่งข่าวบอกว่า นายพลโซไลมานีบินมาจากเบรุต เพื่อวางแผนปฏิบัติการสำคัญในอิรัก หลังการบุกสถานทูตอเมริกาในแบกแดดไม่กี่วันก่อนหน้านี้

ในเดือนพฤศจิกายน 2019 ฐานทัพอเมริกา K1 ที่เมืองเคอร์คุก ทางเหนือของอิรักถูกโจมตีด้วยจรวด 30 ลูก เป็นเหตุให้ผู้รับเหมากองทัพชาวอเมริกันเสียชีวิต 1 คน ทหารอเมริกันบาดเจ็บ 4 คน

การโจมตีครั้งนี้ด้วยจรวดถึง 30 ลูก แสดงเจตนาเข่นฆ่าทหารอเมริกันให้อาสัญจำนวนมาก

ทำให้อเมริกันตัดสินใจไม่ไว้ชีวิตโซไลมานีอีกต่อไป

ทั้งนี้ ภายใต้การวางแผนลับสุดยอดมีคนรู้เห็นไม่กี่คน และทรัมป์ไม่กระโตกกระตากอะไรเลย

 

โซไลมานีขึ้นเป็นผู้บัญชาการ Quds Force ตั้งแต่ปี 2001 สร้างผลงานโดดเด่นแผ่ขยายอิทธิพลอิหร่านออกในภูมิภาคตะวันออกกลาง จนขึ้นเป็นคนสำคัญอันดับสองของอิหร่าน ได้รับความนิยมจากชาวอิหร่านเนียนมากกว่าอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านเสียอีก

นิตยสารไทม์ปี 2017 ยกย่องให้โซไลมานีเป็นหนึ่งในร้อยบุคคลสำคัญของโลก เขาเป็นเซเลบคนหนึ่งของอิหร่าน มียอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมหลายแสนคน ปรากฏตัวในภาพถ่ายจากแนวรบ สารคดี แม้กระทั่งในมิวสิกวิดีโอ และแอนิเมชั่น

สำหรับอเมริกา เขาคือผู้สังหารทหารอเมริกัน 603 คน ทำร้ายทหารอเมริกันและคนอเมริกันบาดเจ็บเกินพันคน

เป็นบุคคลอันตรายต่ออเมริกาไม่สิ้นสุด

ดังนั้น เช้ามืดของมกราคม 3, 2020 โดรน (Drone) ของอเมริกันจึงยิงจรวดใส่รถที่รับโซไลมานีจากเครื่องบินจนไหม้ร่างแหลกละเอียด มีคนตาย 6 คน ระบุตัวโซไลมานีได้จากแหวนประจำตัวที่สวมที่นิ้ว

นี่คือปฏิบัติการสุดยอดการข่าว และเทคโนโลยีการรบล่าสังหารที่ล้ำยุคของอเมริกาภายใต้การตัดสินใจสั่งการของประธานาธิบดีทรัมป์

 

ก่อนหน้านั้นในยุคสมัยของประธานาธิบดีบุช มีการวางแผนสังหารโซไลมานีมาก่อนแล้ว แต่ต้องยกเลิกไป เพราะไม่แน่ใจผลลัพธ์ที่จะติดตามมา

ในช่วง 8 ปี 2 สมัยของประธานาธิบดีโอบามา โซไลมานีโจมตีขบวนคอนวอยขนส่งเสบียงของกองกำลังอเมริกันหลายครั้ง แต่โอบามากลับผ่อนคลายให้เงินสนับสนุนโซไลมานีเป็นการลับเพื่อให้เลิกโจมตีคอนวอยอเมริกัน พร้อมทั้งดึงพันธมิตรมาร่วมทำสัญญานิวเคลียร์กับอิหร่านเป็นผลสำเร็จ

ทรัมป์พูดเมื่อมกราคม 6, 2020 ว่า โอบามาให้เงินสดอิหร่าน 150 ล้านเหรียญโดยอเมริกาไม่ได้อะไรตอบแทนเลย (อิหร่านไม่หยุดสงครามและไม่หยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์)

ในยุคสมัยของทรัมป์เมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่โดรนของอเมริกันถูกอิหร่านสอยร่วง เครื่องบินโจมตีบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกาในอ่าวเปอร์เซียนจวนจะถึงเป้าหมายในอิหร่านอยู่แล้ว แต่ทรัมป์ใช้ความยับยั้งชั่งใจสั่งเครื่องบินรบหันหัวกลับในนาทีสุดท้าย

การถล่มอิหร่านโดยอเมริกาจึงยังไม่เกิดขึ้น

มีแต่ครั้งนี้ที่ทรัมป์ขู่ว่า ถ้าทหารอเมริกันหรือพลเรือนอเมริกันถูกสังหารหรือกิจการของอเมริกาถูกทำลาย เขาจะสั่งถล่มเป้าหมายในอิหร่าน 52 แห่ง รวมทั้งเป้าหมายทางวัฒนธรรมของอิหร่านก็ไม่ยกเว้น

อิหร่านจะราบเป็นหน้ากลอง

อิหร่านต้องคิดให้หนัก การเสียนายพลหนึ่งคน ถ้าจะเอาคืนด้วยการแลกกับการแหลกลาญทั้งประเทศจะคุ้มกันไหม

ชั่วโมงนี้ อิหร่านยังไม่มีพันธมิตรที่ประกาศล่มหัวจมท้ายอย่างชัดเจน ขืนเข้าสู่สงครามกับอเมริกาจะมีใครช่วย

อีกทั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านก็ยังไม่สมบูรณ์ อาวุธยุทโธปกรณ์ของอิหร่านยังห่างไกลอเมริกาชนิดไม่มีอะไรเทียบกันได้เลย

 

ข่าวสังหารโซไลมานีเมื่อวันศุกร์ไม่สร้างความแตกตื่นในอเมริกามากนัก ดาวน์โจนส์ร่วงไปแค่ 1.08 % หรือ 233 จุด เป็นการลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ถือว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย

แน่นอนว่า น้ำมันและทองคำต้องปิดสูงขึ้น

ขณะเขียนต้นฉบับ คืนมกราคม 6, 2020 ในอเมริกา พรรคเดโมแครตบอกว่าจะนำเรื่องทรัมป์สั่งยิงจรวดสังหารนายพลอิหร่านโดยไม่ผ่านสภาเข้ามาอภิปราย

สมาชิกรีพับลิกตอบกลับว่า สมัยโอบามามีการยิงจรวด 2,800 ครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่ขออนุญาตสภา

ทันทีที่การสังหารนายพลอิหร่านสำเร็จผล ทรัมป์สั่งคนอเมริกันให้ออกจากอิรักโดยด่วนที่สุด พร้อมทั้งส่งทหารอเมริกัน 3,000 คนเสริมในตะวันออกกลาง

โซไลมานีมามีผลกระทบกับตัวผมด้วยเหมือนกัน

เพราะวันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2020 ผมนั่งรถบัสจากบ้านเรดดิ้งมาพักผ่อนในนิวยอร์ก ใช้สิทธิ์ไทม์แชร์เข้าพักที่ห้อง Sweet Suite ของ The Manhattan Club Hotel ในแมนฮัตตัน 7 วัน สังเกตว่าตามสี่แยกใหญ่จะมีรถตำรวจจอดทุกสี่แยก แต่ก่อนไม่มีอย่างนี้

พอเช็กอินเข้าห้องเปิดทีวีดู จึงรู้ข่าวการสังหารนายพลอิหร่าน พร้อมด้วยประโยคทองของทรัมป์

“เราปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้งสงคราม เราไม่ได้ทำสงคราม”

อเมริกาประกาศเตือนภัยระดับ Alert ในวอชิงตัน ดี.ซี. และนิวยอร์ก

วันรุ่งขึ้นนั่งรถผ่านไทม์สแควร์เห็นการตรวจตรานักท่องเที่ยวเข้มงวด คนจะเข้าในไทม์สแควร์ต้องเข้าคิวตรวจอาวุธแถวยาว คิวเลื้อยไปเลื้อยมาเหมือนในสนามบิน

รถตำรวจจอดทุกสี่แยกใหญ่ เสียงหวอรถตำรวจ หวอรถดับเพลิง และหวอรถพยาบาลดังเกือบตลอดเวลา

นิวยอร์กกลายเป็นเมืองแห่งเสียงไซเรน

สถานที่ท่องเที่ยวอื่นในนิวยอร์กคงโดนตรวจเข้มทุกหนแห่งเช่นกัน

มานิวยอร์กเที่ยวนี้เลยหมดสนุก

ป.ล. ช่วงนี้ถ้าดูข่าวต่างประเทศ อย่าดูแต่ CNN แห่งเดียว เพราะสถานีนี้ไม่เป็นมิตรกับทรัมป์มาแต่ต้น สร้างข่าวทาสีใส่ไข่ให้ทรัมป์มาตลอด ข่าวครั้งนี้ CNN ใช้คำว่า Murdered – ฆาตรกรรม เพียงช่องเดียว ซึ่งคนละความหมายกับ Killed – สังหาร ที่ช่องอื่นๆ ใช้กัน

ขณะเดียวกันต้องระวังข่าวช่อง Bloomberg เช่นกัน เพราะเจ้าของจะลงสมัครประธานาธิบดีสมัยหน้าแข่งกับทรัมป์

แนะนำให้ดูข่าวจาก FOX NEWS, MSNBC และ BBC ประกอบด้วย