เชิงบันไดทำเนียบ : กุมภาเดือด ! ‘บิ๊กตู่’ ย้อน ‘ปู – มาร์ค’ ท้ารบ ‘เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์’

เป็นสัปดาห์ที่ความเคลื่อนไหวของ ‘องคาพยพ คสช.’ เป็นไปโดยรวดเร็วเป็นขั้นเป็นตอน หลังอดีต 4 รัฐมนตรีพลังประชารัฐ ได้ลาออกจากตำแหน่ง จากนั้นเป็นการเปิดตัว ส.ส.กรุงเทพฯ ประชุมพรรคเคาะรายชื่อ ‘แคนดิเดทนายกฯพรรค’ ที่ไม่เกินความคาดหมาย ทั้ง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ‘อุตตม สาวนายน’หน.พรรค และ ‘สมคิด จาตุศรีพิทักษ์’รองนายกฯ จนนำมาสู่การมา ‘สู่ขอ’ ยังทำเนียบรัฐบาล
.
‘อุตตม’ พร้อม ‘สนธิรัตน์ – สุวิทย์ – กอบศักดิ์’ ได้แห่ขันหมากมาสู่ขอ ‘บิ๊กตู่’ ถึงทำเนียบฯ พร้อมนำ ‘ทะเบียนสมรส’ หรือ หนังสือยินยอมในการลงบัญชีนายกฯที่ออกโดย กกต. พร้อมแฟ้มนโยบายมาให้ ‘บิ๊กตู่’ ใช้ในการตัดสินใจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็รับไว้ แต่ระบุว่ามีเวลาตัดสินใจถึง 8 ก.พ.นี้
.
โดยเป็นที่เชื่อกันมาแต่ต้นแล้วว่า ‘บิ๊กตู่’ ยินยอมเซ็นต์ทะเบียนสมรสนี้แน่นอน เพราะได้แง้มมาแล้วว่า ถ้าลงการเมืองต่อ ก็จะลงใน ‘บัญชีนายกฯ’ ไม่เป็น ‘นายกฯคนนอก’ โดยก่อนหน้านี้ ‘บิ๊กตู่’ เคยเปรียบการจะมาใช้ชื่อตนว่า ก็ต้องมีการมาขอ แบบการแต่งงานที่ต้องมีการสู่ขอ

ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเองก็ไม่ได้มี ‘แผนสำรอง’ ใดๆ หาก ‘บิ๊กตู่’ ไม่ตอบรับขึ้นมา โดยระบุว่าต้องให้ นายกฯ ได้ตัดสินใจก่อน ให้เกียรติและพรรคพร้อมในทุกสถานการณ์ ซึ่ง ‘บิ๊กตู่’ เองคงได้ประเมินรอบด้านพอสมควรถึง ‘สถานการณ์ข้างหน้า’ ว่าไปทางใด ‘เสี่ยง’ น้อยกว่ากัน เพราะกระแสต้าน ‘นายกฯคนนอก’ ก็มีอยู่เสมอ และถูกใช้เป็นวาทกรรมปลุกได้ง่าย
.
อีกทั้งเป็นช่วง ‘ขาลง คสช.’ ในสภาวะ ‘คสช.ลงหลังเสือ’ ด้วย การลงในบัญชีพรรคก็เป็นการ ‘ท้าชน’ กันไปเลยว่า เอาหรือไม่เอาคสช.? ซึ่งก็มีโอกาสลุ้นได้หรือเสียไปทีเดียว แต่การรอไปเป็น นายกฯคนนอก ก็ไม่มีอะไร ‘รับประกัน’ได้ว่าพรรคพลังประชารัฐ – 250ส.ว. จะนำพาสถานการณ์ไปจุดนั้นได้ รวมทั้งถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลงในบัญชี ก็จะทำให้พรรคพลังประชารัฐไม่สามารถนำชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไปใช้หาเสียงได้ แต่สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเผชิญคือกระแสต้าน-โจมตี จากภาพการ ‘สืบทอดอำนาจ’ ที่ชัดเจนมากขึ้น

แต่การเป็น ‘นายกฯคนใน’ ก็เท่ากับว่า ‘บิ๊กตู่’ ได้ลงมาสนามการเมืองเต็มที่ สิ่งที่ถูกจับตาไม่น้อย คือ ‘บทบาทกองทัพ’ นับจากนี้ ซึ่ง ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในฐานะ เลขาธิการคสช. ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘น้องรักต่างสาย’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีความไว้วางใจให้ทำในหลายภารกิจ นับตั้งแต่รัฐประหาร 22พ.ค.57 ก็แสดงจุดยืน ‘กองทัพเป็นกลาง’ และไม่ขอ ‘ก้าวก่ายการตัดสินใจ’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเรื่องเป็นเรื่องทางการเมือง ไม่เกี่ยวกับฝ่ายความมั่นคง ซึ่งก็ยากจะอธิบายเพราะ ‘บิ๊กตู่’ เป็น หัวหน้าคสช. และ ผบ.เหล่าทัพ เป็น สมาชิกคสช. ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ทับซ้อนกัน
.
“ในฐานะของกองทัพ ไม่ขอพูดเรื่องนี้ เพราะกองทัพต้องวางตัวเป็นกลาง และตนก็ยืนอยู่ตรงนี้มาตลอด ในฐานะเป็นหน่วยงานความมั่นคง การเมืองก็เป็นส่วนของการเมือง แล้วแต่นายกรัฐมนตรี ท่านได้ตัดสินใจ” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
.
“ท่านเป็นหัวหน้า คสช. ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน ส่วนกองทัพเรามีจุดยืนของเราอยู่แล้ว ในเมื่อเรามีจุดยืนในทุกๆ เรื่อง การทำงานของเรานั้น ก็ประกาศให้ประชาชน และพรรคการเมืองทุกพรรคทราบอยู่แล้ว เช่น การส่งคนไปช่วยดูแล ติดตาม ในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ เราก็ทำเช่นเดียวกันทั้งหมด” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
.
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ‘ป๋าเปรม’พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ปธ.องคมนตรี ได้สะกิดเตือน ‘บิ๊กตู่’ ครั้งเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปลายปี61 ในช่วงที่ ‘บิ๊กตู่’ กำลังตัดสินใจลงการเมือง ว่า ให้มองคนเห็นต่างอย่างเป็นมิตร โดย ‘ป๋าเปรม’ ก็ได้ระบุว่าตนเคยใช้ขณะเป็น นายกฯแล้วได้ผล ทำให้ ‘ป๋าเปรม’ อยู่ในตำแหน่ง 3 สมัย ได้ยาวราว 8 ปี โดยการถูกเชิญมาเป็น นายกฯ ในยุคปี 2520 ด้วย
.
แต่ดูเหมือนสิ่งที่ ‘บิ๊กตู่’ พยายามปรับตัวเองและอดกลั้นมาตลอด ถูกระบายหมดในวันแถลงผลงานรัฐบาลครบ 4 ปี ในช่วง 8 นาทีสุดท้าย จาก 2 ชั่วโมง ที่มีการเตรียมการมาล่วงหน้าในคำถาม-คำตอบถึง ‘ความชอบธรรม’ ของ รัฐบาล-คสช. ในเวลานี้

รวมทั้งกระแสให้ ‘บิ๊กตู่’ ลาออกจาก นายกฯ-หัวหน้าคสช. ถ้าจะลงการเมือง หลังกระสุนมาตกที่ ‘บิ๊กตู่’ ด้วย 4 รัฐมนตรีลาออกไปแล้ว เพื่อไปงานการเมืองเต็มตัว โดยย้ำว่าไม่มีกฎหมายใดห้ามดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารขณะลงการเมือง รวมทั้งมีการมองว่ารัฐบาล ได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ พาดพิง ‘เพื่อไทย – ประชาธิปัตย์’ และ 2 อดีตนายกฯ ได้อย่างแสบทรวง-แทงใจ ซึ่งทั้ง ‘อภิสิทธิ์ – ยิ่งลักษณ์’ ก็เป็น นายกฯ ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. 4 ปีด้วย
.
“การเลือกตั้งปี 54 ใครเป็นนายกฯก็ไม่เห็นออก แล้วไปหาเสียง ครม.สัญจรด้วย ผมยังไม่ทำเลย เลือกตั้งปี57 นายกฯอีกคนกับ ครม. ลาออกหรือไม่ก็ไม่ออก ดังนั้น อย่ามาพูดส่งเดช” และ “อย่าไปไล่ล่ากันมากนัก พอไล่คนนี้แล้วลาออก แล้วเดี่ยวมาไล่นายกฯออก มึงมาไล่ดูสิ ไล่ให้ได้สิ ผมไม่ท้าทาย แต่ไม่ออก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
.
“การที่พรรคประชาธิปัตย์ นายกฯอภิสิทธิ์ แพ้การเลือกตั้งปี54 ในการแข่งกับยิ่งลักษณ์ ทำไมแพ้ล่ะ เป็นรัฐบาลหรือเปล่าทำไมแพ้ แสดงว่าการเป็นรัฐบาลไม่น่าจะทำให้เกิดความได้เปรียบ-เสียเปรียบขึ้นมาแต่อย่างใด”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

แม้ทุกอย่างจะถูกเตรียมให้ ‘บิ๊กตู่’ ได้พูดและชี้แจงมาแล้ว แต่คำตอบส่วนหนึ่งก็ ‘มาจากใจ’ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการจะตอบโต้ ถือเป็นการขึ้นเดือนก.พ.ที่ดุเดือด เพราะเป็นการประกาศ ‘ท้าชน’ ทางการเมืองมากขึ้น แต่ พล.อ.ประยุทธ์-ครม. ก็มีระเบียบกกต.ที่ต้องยึดในช่วงการเลือกตั้ง สถานการณ์ในอนาคตที่หลายฝ่ายมอง คือ หาก ‘บิ๊กตู่’ กลับมาเป็นนายกฯ ต้อง ‘ระวังจะคุม ส.ส. ไม่ได้’ รวมทั้งปรากฏการณ์ ‘งูเห่า’ ที่จะเกิดขึ้นด้วย
.
อีกทั้งการ ‘วางตัว’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องไปเจอกับ ‘นักการเมืองซีเนียร์ – เฟรชชี่’ ที่รอรุม พล.อ.ประยุทธ์ ในทางข้างหน้า ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ถูกมองมาตลอดว่า ‘จุดเดือดต่ำ’ ถือเป็นอีกจุดอ่อนที่ ‘นักการเมือง’ จ้องใช้เล่นงาน แต่อีกสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฝึกวิชามาตลอด 4 ปี คือ ภาพการเป็น ‘นักการเมือง’ ที่อย่าให้ ‘บิ๊กตู่’ ได้จับไมโครโฟนที่พูดได้ไม่ต่างจากนักการเมืองอาชีพ

สถานการณ์มาถึง ‘จุดไคล์แม๊กซ์’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ยังไม่สุดทาง แม้ไม่มีคำยืนยันว่าทุกอย่างถูกปูทางมาตั้งแต่ยึดอำนาจ 22พ.ค.57 หรือไม่ แม้ ‘บิ๊กตู่’ จะปฏิเสธไม่เคยคิดแม้แต่วันเดียว แต่ชี้ถึงสถานการณ์ 5 ปีที่ผ่านมา เลยมองว่ากันว่า “สถานการณ์พาไป” ด้วย แต่เชื่อได้ว่า ‘บิ๊กตู่’ ก็คงต้องมี ‘แผนสำรอง’ ไม่ให้ตัวเองถูก ‘เช็กบิล’ แน่นอน
.
เพราะเลยจุดยูเทิร์นมาไกลแล้ว !!