22 พฤศจิกายน โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

บันทึกในเชิง “ข้อมูลดิบ” ไว้สักเล็กน้อย เพื่อป้องกัน “ข่าวลือ” และความสับสน

โดยอิงกับคำชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ดังนี้

1) กรณีที่มีผู้เสนอให้รัฐบาลถวายสมัญญานาม “มหาราช” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ต้องผ่าน ครม.และต้องเสร็จสิ้นในเรื่องพระราชพิธีก่อน

2) การบริจาค หรือการจะสร้างอะไร รัฐบาลจะต้องอนุมัติและทำเรื่องขอไปยังสำนักพระราชวัง โดยเฉพาะการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์

3) ปฏิทินวันสำคัญที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง สามารถกำหนดได้เมื่อมีรัชกาลใหม่ และทุกอย่างเป็นเรื่องของสำนักพระราชวังจะกำหนดมา

แต่วันสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 จะยังคงมีอยู่ เพียงแต่ว่าจะต้องเปลี่ยนหรือเรียกชื่อใหม่ กำลังหารือกันอยู่ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอน

4) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้จัดกิจกรรม “รวมพลังแห่งความภักดี”

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2559 วัตถุประสงค์ของกิจกรรม เพื่อประกาศความจงรักภักดี และร่วมกันรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพปีที่ 89

กิจกรรมจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ

1.การทำความดีด้วยกาย เช่น การทำความสะอาดสาธารณสถาน เยี่ยมคนป่วยไข้ตามโรงพยาบาล การอ่านหนังสือพิมพ์ให้กับผู้พิการฟัง การบำเพ็ญกุศลและการทำกิจกรรมทางศาสนา รวมถึงการจัดนิทรรศการ

2.การทำดีด้วยวาจา เช่น การปฏิญาณตนเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีหรือเพลงอื่นตามความเหมาะสม

3.การทำดีด้วยใจ เช่น การตั้งจิตอธิษฐาน ทำสมาธิ บำเพ็ญจิตตภาวนา แผ่เมตตา ตั้งใจดี

กิจกรรมดังกล่าว ให้จัดในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร ต่างจังหวัด และต่างประเทศ

โดยพื้นที่กรุงเทพมหานคร รัฐบาลจะจัดที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 08.00 น.

สำหรับต่างจังหวัด กำหนดจัดงานในวันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 08.00 น. เช่นกัน

ด้วยการปฏิญาณตน เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด หน้าที่ว่าการอำเภอ หรือสถานที่อื่นตามความเหมาะสม ยึดความสะดวกของประชาชน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอเป็นผู้กล่าวนำคำปฏิญาณด้วยข้อความตามแบบเดียวกันทั่วทั้งประเทศ

ส่วนต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ จะจัดในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน ตามแนวทางเดียวกัน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี อธิบายว่า กิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดีนั้น รัฐบาลอยากให้กิจกรรมตรงกับวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกวันอังคาร

หากไม่จัดวันที่ 22 พฤศจิกายน ก็จะต้องไปจัดวันที่ 29 พฤศจิกายน รัฐมนตรีบางรายอาจติดภารกิจ

จึงตัดสินใจจัดกิจกรรมในวันที่ 22 พฤศจิกายน เพราะใกล้กับวันพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร 50 วันในวันที่ 1 ธันวาคม และยังใกล้กับวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม

เดิมทีรัฐบาลก็อยากจะจัดกิจกรรมนี้ในวันที่ 5 ธันวาคม แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ อาจจะมีงานพระราชพิธี ครม.ต้องเข้าร่วม ทำให้จัดไม่ได้

ส่วนคำถามว่าทำไมไม่จัดช่วงค่ำของวันที่ 5 ธันวาคม แทนการจุดเทียนชัยถวายพระพร

รัฐบาลก็คิดว่าอาจไม่สะดวก เพราะสนามหลวงมีประชาชนจำนวนมากรอเข้าแถวเข้าไปถวายบังคมพระบรมศพ ทำให้เกิดแนวคิดว่าจะจัดที่ใดก็ได้ แต่ไม่ต้องมารวมกัน

นายวิษณุย้ำว่า “ไม่มีอะไรเป็นสัญญาณของอะไรทั้งนั้น”

ดังนั้น สำหรับประชาชนรวมใจกันเพื่อ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” อีกครั้ง ในวันที่ 22 พฤศจิกายน

ส่วนหลังจากนั้น จะมีกิจกรรม หรือเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้น คงต้องรอฟังรัฐบาลและสำนักพระราชวัง เป็นสำคัญ