“พาณิชย์” จัดรับฟังความเห็นข้อตกลง “ซีพีทีพีพี” เอกชนหนุน-ภาคสังคมย้ำทุกฝ่ายมีส่วนร่วม

“พาณิชย์” รับไม้ต่อจัดรับฟังความเห็นความตกลง CPTPP จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เผยเอกชนสนับสนุนเข้าร่วม เห็นโอกาสการค้าการลงทุน หากช้ากลัวตกขบวน ด้านภาครัฐพร้อมศึกษากฎระเบียบ และเตรียมมาตรการเยียวยา ขณะที่ภาคประชาสังคม เน้นย้ำต้องดำเนินการบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และให้ศึกษาเพิ่มเติมอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ร่วมประชุมรับฟังความเห็นเบื้องต้นต่อความตกลง CPTPP เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ศึกษาประโยชน์และผลกระทบของความตกลง CPTPP เพื่อเตรียมความพร้อมของไทย

โดยการประชุมครั้งนี้ ภาคเอกชนส่วนใหญ่สนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก CPTPP เนื่องจากจะช่วยขยายการค้า ดึงดูดการลงทุนและเสริมสร้างขีดความสามารถของสินค้า และบริการของไทย ให้เข้าสู่ระบบห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคในกลุ่มประเทศ CPTPP และระดับโลก โดยปัจจุบันประเทศต่างๆ พยายามสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้า ซึ่งมีหลายประเทศแสดงความสนใจเข้าร่วม CPTPP เช่น เกาหลี สหราชอาณาจักร และโคลอมเบีย เป็นต้น

“หน่วยงานภาครัฐมีความเห็นว่า CPTPP ได้ตัดบทบัญญัติหลายส่วนที่เสนอโดยสหรัฐฯ และเป็นเรื่องที่ไทยมีข้อกังวลออก เช่น การใช้กลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชน (Investor-state-dispute-settlement: ISDS) กับสัญญาการลงทุน หรือการอนุญาตการลงทุน การขยายระยะเวลาคุ้มครองสิทธิบัตรอันเกิดจากความล่าช้าอย่างไม่สมเหตุสมผล การขยายระยะเวลาการคุ้มครองลิขสิทธิ์ ภายใต้ข้อบททรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ทั้งนี้ CPTPP ยังเป็นความตกลงที่มีมาตรฐานสูง จึงต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ เนื่องจากบางข้อบทยังไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติของไทย และจำเป็นต้องมีการปรับแก้ไขกฎหมายรวมทั้งอาจต้องการระยะเวลาในการปรับตัว แต่ยังมีหลายข้อบทที่สอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกับแผนการปฏิรูปของไทย”

ขณะที่ภาคประชาสังคม ยังมีข้อกังวลเรื่องการเข้าเป็นภาคีความตกลงระหว่างประเทศ อาทิ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV1991) และสนธิสัญญาบูดาเปสต์ (Budapest Treaty) และการนำข้อบทที่ชะลอการมีผลบังคับไปใช้แล้วกลับเข้ามามีผลกับสมาชิกใหม่ หากสหรัฐฯ เปลี่ยนใจกลับมาเป็นสมาชิกอีกครั้ง ซึ่งสมาชิก CPTPP เคยชี้แจงไว้ว่า เป็นความต้องการของสหรัฐฯ ที่จะนำเรื่องที่อ่อนไหวออกจากการมีผลบังคับใช้ หากจะนำกลับเข้ามาจะต้องเป็นฉันทามติของสมาชิกทั้งหมด ในส่วนข้อกังวลของภาคประชาสังคม กรมฯ จะให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อบท CPTPP อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

นางอรมน ย้ำว่า การรับฟังความเห็นในครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเตรียมความพร้อมเข้าเป็นสมาชิก CPTPP โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ มีแผนจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือในรายละเอียดแต่ละข้อบท รวมทั้งศึกษาเพิ่มเติมเรื่องผลดี ผลเสีย รวมถึงมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อเป็นข้อมูลเสนอระดับนโยบายต่อไป

ทั้งนี้ ความตกลง CPTPP ประกอบด้วยสมาชิก 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ ชีลี เปรู เม็กซิโก ญี่ปุ่น บูรไน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม โดย CPTPP จะมีผลใช้บังคับเมื่อสมาชิกอย่างน้อย 6 ประเทศให้สัตยาบันตามขั้นตอนภายในของแต่ละประเทศ ซึ่งคาดว่า CPTPP น่าจะมีผลใช้บังคับอย่างเร็วที่สุดในต้นปี 2562