อ่านบทสัมภาษณ์ นายกฯเศรษฐา หลังขึ้นปกนิตยสารไทม์

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ พร้อมขึ้นปกนิตยสารไทม์ ลงวันที่ 25 มีนาคม 2567 หัวข้อ The Salesman Thai Prime Minister Srettha Thavisin ในบทความ ”นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยกำลังมุ่งทำงาน แต่จะสามารถฟื้นฟูประเทศได้หรือไม่” หรือ “Thailand’s New Prime Minister Is Getting Down to Business. But Can He Heal His Nation?” โดย Charlie Campbell

Charlie Campbell มองว่า นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปกว่า 10 ประเทศ เพื่อชักจูงนักลงทุนในประเทศต่าง ๆ พร้อมบอกว่า ประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับการลงทุน และความพยายามของนายกรัฐมนตรี ก็เริ่มสัมฤทธิ์ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ใน​เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนเพียงเดือนเดียว มีบริษัทเอกชนชั้นนำของโลกอย่าง Amazon, Google และ Microsoft รวมมูลค่า 8,300 ล้านดอลลาร์

Charlie Campbell ระบุว่า “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม” แห่งนี้ต้องเผชิญกับความแตกแยกทางการเมืองอันขมขื่นในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา นำไปสู่การรัฐประหารโดยกองทัพ เมื่อปี 2557 พร้อมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อรับประกันบทบาทนำของกองทัพ ในทศวรรษถัดมาของการปกครองที่สับสนวุ่นวาย เศรษฐกิจของไทย ซึ่งเคยใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ซบเซาลง ความเหลื่อมล้ำเพิ่มสูงขึ้น ในปี 2561 คนที่รวยที่สุด 1% แต่ครองความมั่งคั่ง 66.9% ของประเทศ, การเติบโต GDP เฉลี่ยของไทย ต่ำกว่า 2% แต่เพื่อนบ้าน ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม มีอัตราการเติบโตของ GDP แซงหน้าประเทศไทย 2-3 เท่า รวมถึงแซงหน้าการลงทุนจากต่างประเทศ และไทยยังต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ที่ทำลายล้างการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤตที่ต้องแก้ไข จึงได้ประกาศลดราคาน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร พร้อมเปิดตัวโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นการบริโภค และยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวหลายประเทศ รวมทั้งยังตั้งเป้าเพิ่มบทบาทประเทศไทยในฐานะ “ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ การดูแลสุขภาพ และการเงิน”

Charlie Campbel ยังเห็นว่า นายเศรษฐา กำลังต่อสู้เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศโดยร่วมมือกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมเดิม หรือขั้วอำนาจเก่า นายเศรษฐา จึงตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ที่จะต้องสร้าง และมอบผลประโยชน์ที่แท้จริงอย่างรวดเร็วให้กับประชาชน แม้นายเศรษฐา จะยืนยันว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกกดดันกับการที่พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งลำดับที่ 2 แต่กดดันกับการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทยทุกคน ซึ่งเป็นความกดดันที่นายเศรษฐาเผชิญทุกวัน

Charlie Campbel ยังเห็นว่า นายเศรษฐา ยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โฟกัสของเขาอยู่ที่ใดบ้าง เช่น การลงทุนจากต่างประเทศ การค้า และความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ การผลักดันกฎหมายความเท่าเทียมในการสมรส และสิทธิของกลุ่ม LGBT และการเสริมการท่องเที่ยว แม้จะมีสถานการณ์ทางการเมืองหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยเฉพาะการเดินทางกลับประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แต่นายเศรษฐา ก็ยังยืนยันอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ตนเป็นคนควบคุมอำนาจ”