สบส.ฟันรีวิว ‘เลเซอร์ปิกาจู’ ผิดกฎหมาย เตรียมเอาผิดคน ‘ไลค์-แชร์’ เหตุส่อผิด พ.ร.บ.คอมพ์

 

จากกรณีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศัลยกรรมชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี เผยแพร่คลิปวิดีโอ และรูปภาพขณะการทำเลเซอร์ที่อวัยวะเพศชาย หรือเลเซอร์ปิกาจู เพื่อเปลี่ยนอวัยวะเพศชายที่ดำให้ขาวขึ้น โดยมีการยืมมือผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้แท็กชวนผู้มาทำ

เมื่อวันที่ 4 มกราคม นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยว่า การเผยแพร่ดังกล่าวถือเป็นการโฆษณาที่ผิดกฎหมาย ประกอบด้วย 1.การโฆษณาเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่ง สบส.ได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการดำเนินการเอาผิดประเด็นนี้แล้ว และ 2.การโฆษณาสถานพยาบาลตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2559 เพราะมีการระบุชื่อโรงพยาบาลชัดเจน แม้ผู้ทำการโฆษณาจะไม่ใช่สถานพยาบาลเองก็ตาม แต่มีการยิมนยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดโฆษณาแทนตนเอง โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยุติการโฆษณาดังกล่าว ซึ่งตรงนี้ได้ประสานให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรีดำเนินการแล้ว เนื่องจากเป็นสถานพยาบาลในพื้นที่ จ.นนทบุรี

นพ.ธงชัยกล่าวอีกว่า การทำเลเซอร์บริเวณดังกล่าวถือว่าอันตรายอย่างมาก เนื่องจากใกล้อวัยวะเพศ และอัณฑะ อาจมีผลต่อเซลล์สืบพันธุ์ และบริเวณนั้นเป็นส่วนที่บอบบางอยู่แล้ว การทำเลเซอร์ให้ขาวจึงทำให้ผิวบริเวณนั้นอักเสบได้ง่าย แพ้ได้ง่าย เกิดเป็นขุย และแห้ง เป็นอันตรายมากกว่า ซึ่งมองว่าไม่มีประโยชน์อะไรในการทำให้อวัยวะเพศตรงนั้นขาว ที่สำคัญอาจทำให้เกิดจุดด่างดำที่น่าเกลียดมากยิ่งขึ้นอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลคนดังกล่าวมีการทำรีวิวศัลยกรรมต่างๆ ของโรงพยาบาลหลายครั้งแล้ว นพ.ธงชัย กล่าวว่า หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าสถานพยาบาลมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ อย่างที่บอกว่าแม้สถานพยาบาลไม่ได้โฆษณาเอง แต่ยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาแทนตน

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คนที่กดไลค์ แชร์ และแสดงความเห็น จะยิ่งทำให้การโฆษณาเผยแพร่มากขึ้น จะมีความผิดด้วยหรือไม่ นพ.ธงชัย กล่าวว่า พ.ร.บ.สถานพยาบาลฯ ไม่ได้ครอบคลุมในเรื่องนี้ แต่เมื่อเป็นการโฆษณาที่ผิดกฎหมาย และการแชร์โฆษณาที่ผิดกฎหมาย ต่อไปอาจจะมีความผิดในส่วนของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 แทน ซึ่งอยากจะให้ประชาชนระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะอาจทำผิดโดยไม่รู้ตัวได้ ซึ่งการแจ้งข้อมูลเข้ามาเพื่อตรวจสอบว่าดำเนินการผิดกฎหมายหรือไม่ ก็จะเป็นการช่วยแจ้งเตือนไปยังประชาชนคนอื่นด้วยว่า การโฆษณาแบบนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ ประชาชนจะได้รู้เท่าทันการโฆษณา และผลเสียจากการทำศัลยกรรมต่างๆ ด้วย