คสรท.แถลงการณ์กรณี ‘สลายการชุมนุมและจับกุมกลุ่มแกนนำคัดค้านโรงไฟฟ้าเทพา’ ขอนายกฯ ปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) ออกแถลงการณ์กรณีการสลายการชุมนุมแกนนำคัดค้านโรงไฟฟ้าเทพา โดยระบุว่า คสรท. ได้ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชนที่รวมกลุ่มกันภายใต้ชื่อ“เครือข่ายประชาชนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ได้พยายามแสดงออกความเห็นต่างด้วยสันติวิธี ด้วยความเป็นเหตุเป็นผลเสมอมา เพื่อปกป้องสิทธิของชุมชน และครอบครัวของคนในพื้นที่ให้มีชีวิตอย่างปลอดภัยมีความสุขและเรียกร้องให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เคารพสิทธิของชุมชน ของประชาชน และต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นจริงที่กระทำกัน อย่าบิดเบือน ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ในทุกฉบับ รวมทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560 แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่พยายามจะไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้จัดกิจกรรมเดินเท้ารณรงค์ขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีในระหว่างการประชุม ครม.สัญจรภาคใต้ที่ จ.สงขลาเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 เพื่อคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา

แถลงการณ์ระบุว่า คสรท.เห็นว่าการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวยังอยู่ในขอบเขตของการใช้สิทธิในการแสดงความเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชนอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม

รัฐบาล คสช.เข้ามาบริหารประเทศภายใต้ภารกิจที่สำคัญคือ “การสร้างความสมานฉันท์ ปรองดอง” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ 27 พฤศจิกายน 2560 มีการใช้กองกำลังเข้ามาสลาย ทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งจับกุมชาวบ้านหลายราย เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ในขณะที่ “รัฐบาลได้ประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ” ภาพที่ปรากฏออกไปต่อสายตาคนในประเทศและต่างประเทศ ได้สวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลประกาศไว้อย่างสิ้นเชิง ยิ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศตกต่ำลงในสายตานานาชาติในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ความคาดหวังของคนในชาติที่จะเห็นความปรองดองสมานฉันท์จบลงสิ้นเชิงเช่นกัน เป็นความรุนแรงที่ไม่อาจยอมรับได้ ชาวบ้านเพียงแค่ต้องการพบนายกรัฐมนตรีเพื่อยื่นหนังสือเพื่อให้นายกรับทราบความจริงในพื้นที่ แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญไม่เปิดโอกาส ซ้ำกลับใช้ความรุนแรงทำร้ายประประชาชน

คสรท. จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทบทวนการแจ้งข้อกล่าวหา และขอให้ปล่อยตัวประชาชน ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ปฏิบัติต่อชาวบ้านและผู้เห็นต่างจากรัฐอย่างรอบคอบบนพื้นฐานของสิทธิและเสรีภาพของประชาชนซึ่งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานเจ้าของโครงการยึดมั่นในแนวปฏิบัติของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ภายใต้หลักการ เคารพ คุ้มครอง และเยียวยา รวมทั้ง “คำประกาศวาระแห่งชาติ : สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2560 และเปิดโอกาสให้เครือข่ายฯ ได้เข้าพบเพื่อนำเสนอข้อห่วงใยและข้อเสนอในการพัฒนาโครงการที่ยั่งยืนต่อรัฐบาลโดยสงบและปราศจากการขัดขวางใดๆ เพราะเชื่อว่าการเจรจาการพูดคุยจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน ความรุนแรงไม่อาจแก้ปัญหาได้ ซึ่งเป็นความจริงจากประสบการณ์ บทเรียน ความขัดแย้งในประเทศและต่างประเทศ สันติวิธี การรับฟัง การเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน บนแนวทางสันติวิธีจึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลควรยึดถือเป็นทิศทางของประเทศ