‘เต้น’ ไม่เชื่อมีคนไทยชังชาติ ลั่นพท.เป็นรัฐบาล “ตู่-ป้อม” เตรียมหิ้วกระเป๋าไปเฝ้าชายแดน

‘เต้น’ ไม่เชื่อมีคนไทยคนไหนชังชาติ อัด ภาพที่ชัดเจนว่าประเทศไม่เป็นปชต.คือคนทำรัฐประหารไม่ติดคุก บอก หาก ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาล ‘ตู่-ป้อม’ เตรียมไปเฝ้าชายแดนพร้อมดูแลด้วยเบี้ยผู้สูงอายุ จวก ลูกหลานชาวไร่ชาวนาอยู่ดีๆ จับเขาไปขังทำไม ยัน เลือกตั้งผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเกิดแน่ในรัฐบาล พท. ปูด นายทุนพลังงานแห่งหนึ่งเป็นเจ้าของกระทรวงพลังงาน

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยยกทัพพรรคการเมืองชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งขุนพลเลือดใหม่ (Young blood) ขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชันนโยบายเพื่อนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

ต่อมา เวลา 14.25 น. เข้าสู่รอบ 2 เวที “ขุนศึก ประจัญบาน” โดยบุคคลสำคัญในแต่ละพรรคฯ ร่วมประชันประเด็นหลักที่พรรคใช้หาเสียง อธิบายเหตุผลในการเลือกใช้กลยุทธ์-นโยบายในช่วงโค้งสุดท้าย พร้อมดีเบตโต้แย้งกับตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งในประเด็นการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวตอบคำถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการไล่คนที่เห็นว่าชังชาติออกนอกประเทศ และพรรคของท่านมีแนวทางกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร ว่า ไม่เห็นด้วยกับการขับไล่ใครที่ถูกอ้างว่าชังชาติออกจากประเทศนี้ เพราะไม่เชื่อว่ามีคนไทยคนไหนที่ชังชาติ ยืนยันว่าสิ่งที่กำลังทำคือการไล่คนที่ยึดอำนาจออกนอกทำเนียบรัฐบาล และนี่คือภารกิจร่วมของคนไทยทุกคน ไม่เคยมีใครหรือข้อกล่าวหาใดๆ ในโลกนี้ที่ไล่คนที่เกิดบนแผ่นดินนี้และเป็นเจ้าของคนหนึ่งแผ่นดินนี้ออกไป พรรค พท.จะพยายามถึงที่สุดให้คนอยู่ด้วยกันด้วยกติกาที่เป็นประชาธิปไตยอย่างเป็นสากล แม้ว่าเขาจะชังกัน เราร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน เราจะปฏิรูปกองทัพให้กอิงทัพอยู่ใต้อำนาจของรัฐบาลประชาชน เราปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ว่าคนไทยชังชาติและเราขอประกาศให้คนไทยทุกคนว่าที่นี่คือแผ่นดินเรา บ้านเรา เมืองเรา กลับมาช่วยกันทำให้บ้านเราเป็นประชาธิปไตย ไม่มีใครชังชาติในประเทศนี้ ถ้า พท.เป็นรัฐบาล เราชนะการเลือกตั้งมาทุกครั้ง เราจะเป็นรัฐบาลครั้งนี้ได้ก็ต่อเมื่อเราชนะแบบแลนด์สไลด์ หากเราไปถึงจุดนั้นได้เราจะไม่เหยียบย่ำคนแพ้ แต่เราจะบอกคนแพ้ว่าขอให้ยอมรับความพ่ายแพ้และเดินตามเรามาในวิถีทางประชาธิปไตย

“เราจะบอกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าไม่มีใครชังชาติ ท่านที่ประกาศให้คนเอาปืนไปอยู่กับท่านที่ชายแดน ขอให้ท่านไปรอ เราจะให้ท่านไปเฝ้าขบวนการค้ายาเสพติดที่จะไหลบ่าเข้ามา ปืนของท่านไม่ได้มีความหมาย กองทัพของท่านไม่มีคุณค่า ถ้ากองทัพนั้นไม่ได้รับใช้ประชาชน เราจะไม่ชี้วัดความเป็นประชาธิปไตยเพียงเพราะใครวิจารณ์นายกรัฐมนตรีแล้วไม่ติดคุก เพราะสำหรับผมภาพที่ชัดที่สุดว่าประเทศนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยคือคณะรัฐประหารไม่เคยติดคุก ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล คณะรัฐประหารจะไม่มีที่เดินในสังคม เราจะรื้อผลพวงการรัฐประหาร เราจะทำให้กฎหมายระบุว่าการทำรัฐประหารเป็นความผิดฐานกบฎไม่มีอายุความ และวันถัดไปเขาเหล่านี้จะต้องรับผิดชอบและชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปในที่สุด ประเทศนี้ไม่มีเวลาที่จะเดินถอยหลังกลับอีก ผมไม่เชื่อการก้าวข้ามความขัดแย้งที่พูดกันลอยๆ เพราะมีคนพูดกันแบบนี้มามากแล้ว และทุกคนที่พูดคือคนที่อยู่สร้างความขัดแย้งทั้งสิ้น” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ต่อมาเป็นคำถามเรื่องปัญหาเศรษฐกิจว่ารัฐควรให้เงินช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มด้อยโอกาส หรือควรช่วยเหลือแบบถ้วนหน้าและเท่าเทียม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การใช้เม็ดเงินงบประมาณในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการใช้เงิน พรรค พท.ไม่มีวิธีคิดเฉลี่ยแบบสมบูรณ์ว่าจะต้องจัดเม็ดเงินให้ทุกกลุ่มเท่าๆ กัน ตลอดทุกนโยบายตลอดเวลา แต่โครงการดิจิทัลหมื่นบาทที่แจกให้คนที่อายุ 16 ปีเป็นต้นไป เป้าหมายของการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการนี้ ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลให้เงิน แต่อยู่ที่ประชาชนใช้เงินเป็นหารกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่มากที่สุดในประเทศไทยจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่จะอุดหนุนเงินให้กับครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท พักหนี้เกษตรกรรายย่อย 3 ปี การบริหารเศรษฐกิจให้จีดีพีขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5% การเปิดตลาดต่างประเทศโดยนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ซึ่งเราจะทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น คนไทยทุกคนยืนได้และทุกคนเดินไปด้วยกันได้ในรัฐบาลเพื่อไทย สภาพปัญหาปัจจุบันที่มีอยู่ไม่ได้เกิดเพราะไม่มีงบประมาณ ไม่ได้เกิดเพราะไม่มีศักยภาพ แต่เกิดจากรัฐบาลไม่มีความสามารถ ปัญหาค่าไฟฟ้าที่เกิดขึ้นประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว ปัญหาราคาพลังงานเกิดขึ้นมานาน แต่รัฐมนตรีพลังงานไม่มีพลังงานในการแก้ปัญหาเลย อยู่ได้อย่างไร รัฐบาลบอกจะมีมติคณะรัฐมนตรีเอางบกลางมาแก้ปัญหาค่าไฟ ทำจนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีกลับมายังมีหน้าอยู่ต่อได้อย่างไร

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้หาเรื่องแจกเงินคนรวย ฉะนั้น อย่ามาถามว่าลูกเศรษฐีเราแจกเงินเขาทำไม นี่เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบพรรค พท. คิดใหญ่ ทำเป็นและทำได้ แก้ปัญหาได้ด้วย หากจะถามกันแบบนั้น ตนก็ต้องถามว่าแล้วคนจน ชาวไร่ชาวนาเขาอยู่ดีๆ คุณยึดอำนาจเขาทำไม คุณจับลูกหลานเขาไปขังทำไม ลูกหลานคนจนเขาใช้ชีวิตอยู่ดีๆ คุณบังคับเขาเกณฑ์ทหารทำไม พรรค พท.จะมาแก้ปัญหาเหล่านี้และจะมาพาประเทศไทยออกจากกับดักวงล้อมอำนาจนิยมเช่นนี้ และพรรค พท.จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรแตกกันแล้วก็จริง หากพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาลจะดูแลทั้งคู่ด้วยเบี้ยผู้สูงอายุ

จากนั้น เป็นคำถามด้านสังคมว่า นโยบายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นในรูปแบบให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด พรรคของท่านเห็นด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราเห็นด้วยกับนโยบายกระจายอำนาจเพราะเป็นหลักประกันของประชาธิปไตยในสังคมที่เป็นอารยะ การรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลางสะท้อนความถดถอยและไม่สอดคล้องกับความเป็นไปของยุคสมัย เราเห็นด้วยกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ถ้า พท.เป็นรัฐบาลจะดำเนินการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดนำร่องทันที เราเชื่อว่าการบริหารงบประมาณที่เป็นธรรม เชื่อว่าให้คนในท้องที่ดูแลกันเองเป็นทางออกสำคัญของประเทศ และเห็นด้วยว่าข้อจำกัดหนึ่งของการพัฒนาประเทศในการเป็นประชาธิปไตยในสังคมไทยคือการยึดโครงสร้างรัฐราชการไว้เป็นนั่งร้านนอกระบบ เป็นนั่งร้านของรัฐประหาร

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ดังนั้น การกระจายอำนาจคือการสร้างความอ่อนแอให้กับเครือข่ายเหล่านี้ และสถาปนาความเข้มแข็งโดยอำนาจประชาชน ไม่มีสังคมใดเติบโตและยิ่งใหญ่ได้จริงถ้าประชาชนยังอ่อนแอและถูกกดขี่ ประชาชนจะต้องลุกขึ้นมาและใช้อำนาจอธิปไตยของตนเองภายใต้นโยบายกระจายอำนาจที่ถูกต้อง และเป็นธรรม พท.จะทำเช่นนั้นและชวนประชาชนทำด้วย หาก พท.เป็นรัฐบาลการปกครองท้องถิ่นพิเศษจะต้องพัฒนาเดินไปข้างหน้าให้ดีขึ้นเพื่อสอดรับกับนโยบายการกระจายอำนาจและเลือกตั้งผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องทำงานสอดประสานกับผู้ว่าราชการทุกจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันผู้ว่าราชการจังหวัดก็มีสิทธิ์คัดง้างอำนาจกลางหากไม่สอดคล้องกับการพัฒนาพื้นที่

นายณัฐวุฒิ กล่าวค้านนายวินท์ สุธีรัจชัย ผู้สมัครส.ส.จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า เมื่อได้ฟังตนอยากให้เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมกับเลือกผู้แทนครั้งนี้เลย เพราะตนไม่ยอมรับวิธีการดูแคลนประชาชน ตนไม่เชื่อว่าการเมืองที่เหลวแหลกมาวันนี้เป็นเพราะประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ แต่เป็นเพราะกลุ่มคนที่ร่วมกันยึดอำนาจมากกว่าที่ทำให้ยักแย่ยักยันอยู่ปัจจุบัน ไม่มีเงินทองที่ไหนมาซื้อเสียงได้หรอก ขนาดซื้อส.ส.ยกกลุ่ม ยกพรรคกันแล้วและถึงขนาดเดินเก็บบัตรประชาชนทำให้องคาพยพนี้รวมตัวกันในรัฐบาลชุดหนึ่ง ไปไกลจนถึงขั้นนายทุนพลังงานแห่งหนึ่งเป็นเจ้าของกระทรวงพลังงานแล้วด้วยซ้ำ นี่คือความจริง ดังนั้น การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเกิดขึ้นแน่นอนในรัฐบาล พท.