เผยแพร่ |
---|
“ระพีพัฒน์” ยัน พปชร. พร้อมพิสูจน์ทุกข้อกล่าวหา เดินหน้าเป็นที่พึ่งให้ปชช. เดินหน้านโยบายบริหารจัดการน้ำ ดันเกษตรกรรมให้ที่ล้ำหน้า
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยยกทัพพรรคการเมืองชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งขุนพลเลือดใหม่ (Young blood) ขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชันนโยบายเพื่อนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
จากนั้น เวลา 12.30 น. เข้าสู่รอบที่ 1 เวที “ Young blood วัดอนาคต” โดยเปิดโอกาสให้ตัวแทนคนหนุ่มสาวหน้าใหม่ ที่ลงสนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรก แต่มีความรู้ความสามารถ ประชันนโยบายของพรรคในมุมมองที่สดใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความหวัง และการทำงาน การเมืองเชิงสร้างสรรค์ ทิศทางใหม่ๆ เพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทยในอนาคต
โดยนายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 25 เขตทุ่งครุ เขตราษฎร์บูรณะ ( ยกเว้นแขวงบางปะกอก)พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า สิ่งที่อยากเข้ามาทำงานการเมือง เพราะอยู่ในจุดที่ต่ำและเตี้ยเกินไปที่เสียงของเราจะส่งมาถึงผู้มีอำนาจได้หรือผู้ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ แม้ตนเองจะอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่เชื่อว่าเป็นพรรคที่เหมาะสมที่สุดในการกลับเข้ามาเป็นรัฐบาล เพราะทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงและมีพลวัต แม้กระทั่งพรรคใหม่หรือพรรคเก่าก็มีพลวัต มีการเคลื่อนตัว ซึ่งพรรคพปชร.มีพลวัต มีการเคลื่อนตัวที่มีการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้พรรคพปชร.โดนไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรืออะไรก็แล้วแต่ก็ตาม แต่พปชร.กำลังเปลี่ยนแปลงจากการโดนกล่าวหาว่าเป็นพรรคเผด็จการทหาร รอบนี้เราผ่านการเมืองหนึ่งรอบ ถูกเปลี่ยนใหม่กลายเป็นทหารจำแลง แต่พรรคพปชร.กำลังเปลี่ยนแปลงเดินหน้าสู้การพิสูจน์ทุกข้อกล่าวหาว่าพปชร.คือพรรคที่สามารถก้าวไปเป็นพรรคซึ่งเป็นที่พึ่งของประชาชนได้แน่นอน
นายระพีพัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายของพปชร.ที่อยากผลักดัน ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า”ลุงป้อม ” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพปชร. หน้าที่รับผิดชอบหลักในรัฐบาลคือ ที่ดินและน้ำ ทุกคนพูดกันว่า การบริหารจัดการน้ำ มีแค่กันกรุงเทพไม่ให้น้ำท่วม แต่การบริหารจัดการที่ดีและจะนำมาซึ่งผลประโยชน์มากกว่ากันน้ำท่วมกรุงเทพ นั่นคือการเพิ่มศักยภาพในการทำการเกษตรให้กับประเทศไทย เมี่ออยากเป็นสือตัวที่ 5 ,6,7 โดยหลักๆ ของเราคือเกษตรกรรมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถทำให้เกษตรกรรมบวกเทคโนโลยีเป็นเกษตรกรรมก้าวหน้าได้ แต่สิ่งที่จะขาดไม่ได้นั่นคือ น้ำ ดังนั้น “ลุงป้อม” จึงมองเห็นว่าจะต้องบริหารจัดการน้ำซึ่งไม่ใช่แค่น้ำท่วม แต่ต้องเพื่อการเกษตรด้วย จึงพูดว่า มีเราไม่มีแล้ง และนอกจากบริหารจัดการน้ำแล้ว ต้องกระจายน้ำและผันน้ำ ไม่ใช่จากเหนือลงใต้แต่ต้องไปเหนือไปภาคตะวันออก ภาคอีสานด้วย เพราะต้องการให้ภาคอีสาน ซึ่งมีพื้นที่สูงสุดทำเกษตรได้เต็มปี ถ้ามีน้ำทั้งปี สามารถปฏิรูปที่ดิน ทำให้น้ำที่เราผันไป เป็นพื้นที่การเกษตรและท่องเที่ยว โลจิสติกส์ ป้องกันน้ำท่วมได้ด้วย และประเทศไทยจะมีเกษตรกรรมที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกได้
“ส่วนคำถามว่าทำไมต้อง”ลุงป้อม” ประเทศไทยวันนี้เราพูดถึงความขัดแย้ง แต่เรามองความขัดแย้งแค่ปี 2549 กับ 2557 แต่มันเกิดมานานแล้ว ดังนั้นต้องเอาความขัดแย้งมาทำเป็นโรดแมปเพื่อศึกษาซิเนริโอ เพราะ ก่อนปฏิวัติก็มีปัญหาเผด็จการ และไม่มีใครแก้ได้ ไม่รู้จะปลดล็อกได้อย่างไร ขอทิ้งท้ายว่า”ลุงป้อมคือสิ่งที่ดีที่สุดของเรา”
“ทำไมต้องลุงป้อม เดินก็อย่างนี้ เดินก็ไม่ค่อยจะไหว
เพราะเรามองความขัดแย้งแค่ ปี 47 และ 57 ลุงป้อมบอกว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องทำเป็นโรดแมปศึกษา”
.
ระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ส.ส.กทม. เขต 25 พรรคพลังประชารัฐ ย้ำชัด ทำไมต้องเลือก พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ #สงคราม9พรรค pic.twitter.com/GeFTIoJrVp— Matichon Online (@MatichonOnline) May 2, 2023