อดีต สมช.ชี้แพทย์และศาล คือผู้แก้วิกฤต กรณี แบม-ตะวัน ลั่นอย่าปล่อยให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว

27 ม.ค.66 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)กล่าวถึงกรณีน.ส.ตะวันและแบม 2 เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้ต้องหา ม.112 ถูกส่งไปรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์และยังคงอดอาหารและน้ำประท้วงเรียกร้องต่อเนื่องเข้าสู่วันที่9 ซึ่งเข้าสู่ช่วงวิกฤติมีโอกาสเสียชีวิตได้ ว่าถึงเวลาที่แพทย์และศาลผู้รับผิดชอบซึ่งหน้าต่อการแก้วิกฤติดังกล่าวพึงต้องปฏิบัติในฉับพลันคือการรักษาชีวิตของเยาชนทั้งสองไว้ให้ได้เพราะเป็นหน้าที่และจรรยาบรรณในวิชาชีพของตนเองซึ่ง ณ เวลานั้นเยาวชนทั้งสองก็คงไม่อยู่ในสภาพที่จะทัดทานการดำเนินการของพวกท่านได้

ส่วนผลกระทบต่อแพทย์และศาลผู้ช่วยชีวิตในแง่ลบนั้นไม่มี มีแต่แง่บวกที่แสดงออกถึงความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐมีเมตตาธรรมและส่งผลไปถึงการระงับยับยั้งไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์การก่อความไม่สงบเรียบร้อยอีกด้วย เพราะหากมีการเสียชีวิตของเยาวชนทั้งสองเกิดขึ้น แนวโน้มที่จะเป็นนำ้ผึ้งหยดเดียวแล้วลุกลามกลายเป็นเหตุชุมนุมประท้วงใหญ่โตในการเรียกร้องหาความเป็นธรรมและยุติธรรมจะเกิดขึ้นแน่แท้

ทั้งๆที่ในกรณีนี้การระงับยับยั้งน้ำผึ้งหยดเดียวมิให้ลุกลามมันควรเป็นบทบาทความรับผิดชอบที่ฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อยจะต้องออกหน้ามาเสนอแนะดำเนินการตัดไฟแต่ต้นลมออกจากวิกฤติเป็นคนแรก แต่สังคมก็มิได้เห็นบทบาทนั้นแต่อย่างใด ฉะนั้นไม่เป็นเรื่องแปลกเลยที่ผลการเลือกตั้งใหญ่ส.ส.ที่ใกล้จะเกิดขึ้นนั้น พรรคปีกฝ่ายประชาธิปไตยจะได้ชัยชนะอย่างแลนด์สไลด์แน่นอน เพื่อเปลี่ยนยุคแห่งการเห็นผิดเป็นชอบให้กลายเป็นยุคที่ประชาชนจะเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยแท้จริงนั่นเอง