ยูเอ็นห่วงสถานการณ์รุนแรง อียูเดินหน้าฝึกทหารยูเครน ต้านศึกรัสเซีย

ยูเอ็นห่วงสถานการณ์รุนแรง อียูเดินหน้าฝึกทหารยูเครน ต้านศึกรัสเซีย

 

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมว่า ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนคนใหม่แห่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงในยูเครน พร้อมเตือนว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจทวีความรุนแรงขึ้น ภายหลังรัสเซียส่งโดรนคามิกาเซเข้าไปโจมตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เมื่อช่วงเช้าตรู่ในวันเดียวกัน พร้อมยืนยันว่า พลเรือนจะต้องได้รับความคุ้มครอง

โฟลเคอร์ เติร์ก แถลงข่าวในวันแรกของการทำงานในฐานะข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯว่า การทวีความรุนแรงของสงครามใดๆ นั้นสร้างความหนักใจต่อเราอย่างมาก ซึ่งในขณะที่มันกำลังเกิดขึ้นในยูเครน และว่าข้อเรียกร้องที่สำคัญในตอนนี้คือการลดความรุนแรงของสงคราม และการหาทางออกหรือเครื่องมือที่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนและพลเรือนจะไม่ตกเป็นเป้าในการโจมตี แต่มันเป็นเรื่องยากมากในเขตเมืองที่มีประชากรอยู่หนาแน่น

ด้านสหภาพยุโรป (อียู) ก็เดินหน้าแผนสนับสนุนทางการทหารเพื่อกองทัพยูเครน ในวันที่ 17 ตุลาคม ด้วยการดำเนินการฝึกทหารยูเครนจำนวน 15,000 นาย และส่งเงินช่วยเหลือสำหรับซื้อยุทโธปกรณ์อีก 500 ล้านยูโร โดยมีการคาดการณ์ว่า รัฐมนตรีการต่างประเทศจากรัฐสมาชิกอียูจะลงนามในข้อตกลงดังกล่าวในการประชุมที่ประเทศลักเซมเบิร์ก ซึ่งจะมีการหารือวิธีการตอบโต้การที่รัสเซียใช้โดรนที่ผลิตจากอิหร่านในการโจมตีกรุงเคียฟ ประเทศยูเครนด้วย

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งระบุว่า ในเบื้องต้นแผนการฝึกซ้อมทหารยูเครนจะเป็นการฝึกขั้นพื้นฐานให้กับทหารจำนวน 12,000 นาย และการฝึกพิเศษให้กับทหารอีก 2,800 นาย โดยได้กำหนดให้โปแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของยูเครน เป็นศูนย์กลางสำหรับภารกิจนี้ ขณะที่เยอรมนีก็จะเป็นเวทีสำคัญในการฝึกครั้งนี้ด้วย

โดยการฝึกฝนทางการทหารของอียูครั้งนี้ ควรจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายนนี้ แม้ว่ารายละเอียดขั้นสุดท้ายจะยังคงมีการถกเถียงกันอยู่

ทั้งนี้ รัฐสมาชิกอียู อย่างเยอรมนีและฝรั่งเศส ได้ดำเนินการฝึกซ้อมทหารยูเครนให้สามารถใช้งานยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ที่ได้ส่งให้กับยูเครนแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งโครงการฝึกทหารที่จัดขึ้นโดยรัฐสมาชิกอียูแต่ละประเทศจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคตอาจปรับให้กลายเป็นภารกิจของอียูต่อไป