ธุรกิจชี้หาก ‘ประยุทธ์’ อยู่ต่อ ไม่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น จับตา ‘ต่างชาติ’ ชะลอลงทุนยาว

ธุรกิจชี้หาก ‘บิ๊กตู่’ อยู่ต่อ ไม่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น จับตา ‘ต่างชาติ’ ชะลอลงทุนยาว

 

นายนิติ กิจกำจาย กรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ “แกมโบล” (GAMBOL) เปิดเผยถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรคงต้องยอมรับคำตัดสิน หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้อยู่ต่อ เหลือเวลาไม่กี่เดือนจะมีการเลือกตั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 คงไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจทรงตัวมาเป็นเวลา 4-5 ปีแล้ว ขณะที่ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศยังไปได้ การส่งออกยังเติบโต และได้อานิสงส์จากค่าบาทอ่อน

นายนิติกล่าวว่า ส่วนการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวจากยอดนักท่องเที่ยวที่เริ่มเข้ามามากขึ้น ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ต่อก็ไม่มีผลอะไร แต่อาจจะทำให้นักลงทุนต่างชาติที่จะมาลงทุนในไทยชะลอออกไป รอมีรัฐบาลใหม่

นายนิติกล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่คนทำธุรกิจกำลังกังวลและหนักใจมากที่สุดคือ ภัยธรรมชาติ พายุ น้ำท่วม วิกฤตเศรษฐกิจโลก และวิกฤตสงครามรัสเซียกับยูเครน ซึ่งยังไม่รู้จะมีการเพิ่มดีกรีความรุนแรงส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอีกหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนว่าจะต้องชะลอ หรือเดินหน้าต่อตามแผน

นิติ กิจกำจาย (แฟ้มภาพ)

“บรรยากาศการเมืองบ้านเราเป็นแบบนี้มานานหลายปี ก็ต้องยอมรับสภาพจนกว่าจะมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ หากศาลตัดสินให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อก็อาจจะมีการประท้วงบ้าง แต่คงไม่รุนแรง เพราะอีกไม่กี่เดือนจะมีการเลือกตั้งแล้ว

“แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ เชื่อว่าไม่น่าจะมีการยุบสภา เพราะรัฐบาลก็ใกล้หมดวาระ แต่ต้องมาดูว่าจะแต่งตั้งใครมาเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งในช่วงเวลาที่เหลือนี้” นายนิติกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 นายอธิป พีชานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2565 ยังคงผันผวนตามภาวะสถานการณ์ ทั้งราคาน้ำมันยังไม่นิ่ง รายได้ของประชาชนยังไม่ดีเท่าที่ควรกระทบต่อกำลังซื้อยังไม่ฟื้นดี ยังมีเศรษฐกิจต่างประเทศที่กระทบการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังไม่ดีอย่างที่คาดไว้ ยังน่าเป็นห่วงอยู่ว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ล่าสุดยังมีเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกเป็นปัจจัยเสี่ยง อาจจะทำให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพิ่มเติม เกิดการชะลอทั้งกำลังซื้อในตลาดทั้งสินค้าและที่อยู่อาศัย รวมถึงการลงทุนโครงการต่างๆจากภาคเอกชน

“หากเกิดภาวะไม่แน่นอน ประชาชนจะชะลอการตัดสินใจ นักลงทุนไทยและต่างชาติจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความแน่นอนทางการเมือง คาดว่าจะเกิดการชะลออย่างน้อย 2 ไตรมาส คือไตรมาส 4/2565 และไตรมาส 1/2566” นายอธิปกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายอธิปกล่าวว่า สำหรับกรณีการพิจารณาปม 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ปัจจุบันคนรับรู้เรื่องนี้อยู่แล้วในระดับหนึ่ง มองว่าคงจะไม่มีอะไรทำให้กังวลใจมากนัก อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด การเลือกตั้งใหม่ก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่ว่าจะทำอย่างไรก็ตามอย่าให้เกิดความรุนแรง เช่น การประท้วง เพราะถ้าเกิดความรุนแรงจะกระทบต่อความมั่นใจประชาชนในการบริโภคและนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติด้วย ส่วนกรลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐคงไม่ชะลอ เพราะเป็นโครงการส่วนหนึ่งที่จะเป็นกระสุนดินดำของพรรคการเมือง

“การเมืองที่มีเสถียรภาพที่เปราะบางก็เป็นแบบนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ทุกคนก็ทำใจว่าอยู่ในภาวะในการเปลี่ยนสู่ฤดูการเลือกตั้ง ส่วนจะมีสุญญากาศในช่วงมีนายกรักษาการหรือไม่ เป็นเรื่องของสัจธรรม หากจะเกิดก็ต้องมี เพียงแต่ขอร้องว่าทุกฝ่ายจะทำอะไร ทุกอย่างให้อยู่ในกฎกติกา อย่าใช้ความรุนแรง เพราะถ้ามีต่างประเทศจะมองว่าไทยไม่น่ามาเที่ยว ไม่น่ามาลงทุน ยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเข้าไปอีก ซึ่งในปีนี้รัฐบาลมองว่าเศรษฐกิจน่าจะมีการขยายตัวอยู่ที่ 3% แต่จะได้ตามเป้าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลงานไตรมาส 3 และไตรมาส 4 นี้” นายอธิปกล่าว