งานวิจัยชี้ การแซงก์ชั่นจากชาติตะวันตกต่อเนื่อง พารัสเซียเข้าสู่ “การดับสูญทางเศรษฐกิจ”

เมื่อวานนี้ (26 กรกฏาคม 2565) บิสสิเนส อินไซเดอร์รายงานว่า งานศึกษาล่าสุดถูกเผยแพร่ในเว็บไซต์Social Science Research Network- SSRN โดยคณะวิจัยของคณะการจัดการแห่งมหาวิทยาลัยเยล นำโดยเจฟฟรีย์ ซอนเนนฟิลด์ ชี้ว่า การแซงก์ชั่นทางเศรษฐกิจรัสเซียจากชาติตะวันตกที่เอามาจัดการหลังรัสเซียก่อสงครามรุกรานยูเครนตั้งแต่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และสงครามกินเวลาเข้าสู่เดือนที่ 5 แล้วนั้น ได้ทำให้ตัวเลขจีดีพีของรัสเซียหดตัวลงต่อเนื่องจนทำให้การฟื้นฟูเต็มรูปแบบนั้นยากต่อการคาดเดา

งานศึกษาชี้ การอพยพของบริษัทต่างชาติกว่า 1,000 แห่งออกจากรัสเซีย ก่อความเสียหายขั้นรุนแรงต่อเศรษฐกิจรัสเซียซึ่งสวนทางกับข้อแก้ต่างของรัฐบาลรัสเซียที่ออกมายืนกรานว่าเศรษฐกิจยังเข้มแข็ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ข้อมูลทางการจากรัสเซียกลับไม่เป็นความจริง

“จากการวิเคราะห์ของเรา มีความชัดเจนว่า ธุรกิจถอยออกจากรัสเซียและการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกำลังทำลายเศรษฐกิจรัสเซียแบบหายนะ” คณะวิจัย กล่าว

บริษัทต่างชาติออกจากรัสเซีย ส่งผลทำให้ตัวเลขจีดีพีมลายหายไปถึง 40% แทบไม่มีบรรดาบริษัทต่างชาติใดคิดจะกลับมาเร็วๆนี้ แสดงให้เห็นถึง การพลิกกลับของมูลค่าการลงทุนและเงินทุนจากต่างประเทศ ราวๆ 3 ทศวรรษ

งานวิจัยยังระบุว่า แม้รัสเซียจะเผยแพร่สถิติเพื่อชี้ว่ารายได้จากน้ำมันและก๊าซยังดีจนปรามาสว่าการคว่ำบาตรใช้ไม่ได้ผล แต่การศึกษากลับระบุเป็นอย่างอื่น รัฐบาลรัสเซียยังต้องพึ่งพาการควบคุมเงินทุนที่ไม่ยั่งยืนและประดิษฐ์ขึ้นเพื่อทำให้เกิดความราบรื่นต่อเศรษฐกิจรัสเซียที่อ่อนแอลง
“การผลิตในประเทศของรัสเซียหยุดนิ่งโดยสิ้นเชิง” คณะวิจัยกล่าวพร้อมเสริมว่า การนำเข้าของรัสเซีย “ทรุดตัวลงอย่างมาก”

ขณะเดียวกัน รัสเซียได้เร่งลดปริมาณส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรปผ่านท่อส่งนอร์ดสตรีม 1 แต่จากงานศึกษาระบุ รัสเซียต้องพึ่งยุโรปในฐานะลูกค้าพลังงานในระดับที่มากกว่ายุโรปต้องการก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย

ทั้งนี้ นักวิจัยกล่าวว่า ท้ายที่สุด ประเทศที่ก่อสงครามอย่างรัสเซีย มีความหวังเพียงเล็กน้อยต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หากพูดง่ายๆ คือ ตราบใดที่ชาติพันธมิตรตะวันตกยังคงผนึกกำลังเพิ่มการคว่ำบาตรเพื่อกดดันรัสเซียต่อ สำหรับรัสเซียก็ไม่มีทางหลุดจากเส้นทางของ “การดับสูญทางเศรษฐกิจ”