‘ประยุทธ์’ฉุน! ถูกถามผ่อนคลายถอดแมสก์ ยันรอบคอบแล้ว โยนวิปพิจารณา หลังฝ่ายค้านขอซักฟอก 5 วัน

‘ประยุทธ์’ฉุน! ถูกถามผ่อนคลายถอดแมสก์ ยันรอบคอบแล้ว ถึงได้ประกาศออกมา อย่าให้มีปัญหาทุกเรื่อง ให้ไปทำความเข้าใจกันก่อนแล้วค่อยมาถาม โยน วิปพิจารณา กรณีฝ่ายค้านขออภิปราย 5 วัน ยันปมเรือดำน้ำยังมีเวลา ตามกรอบสัญญา ลั่น ใครจะซื้อเรือไม่มีเครื่องยนต์ ย้อนสื่อถามปรับครม. มันเป็นเรื่องของผม

 

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.65 ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวอย่างมีอารมณ์ หลังสื่อถามถึงกรณีราชกิจจานุเบกษาประกาศการผ่อนคลายมาตรการ โควิด-19 ที่ไม่บังคับให้สวมหน้ากากอนามัยว่า

แล้วอย่างไรอ่านกันหรือยัง ว่าทุกอย่างเขียนไว้อย่างไร อยากให้สื่อไปทำความเข้าใจกันก่อนแล้วค่อยมาถามตน ว่าออกมาเพื่อความมุ่งหมายอะไร และอะไรคือสาระสำคัญ แล้วค่อยมาถามตนต่อ แล้วมาตรการที่ว่ามีปัญหาอย่างไร ออกมาเพื่อใคร ตนเชื่อว่ารอบคอบแล้ว ถึงได้ประกาศออกมา เพราะเป็นเรื่องของความเดือดร้อนและความจำเป็น อย่าให้มีปัญหาทุกเรื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 46

ตามที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ปัจจุบันได้คลี่คลาย และมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น จากการดําเนินมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ส่งผลให้จํานวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวลดลงเป็นลําดับ จนสามารถผ่อนปรนบรรดามาตรการและข้อจํากัดต่างๆ ให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถดํารงชีวิตและดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมได้ใกล้เคียงกับปกติ

รวมถึงการผ่อนคลายข้อจํากัดเรื่องการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างประเทศจากเดิมที่เคยกําหนดเป็นมาตรการสกัดกั้นเชื้อโรคอย่างเร่งด่วน โดยปรับให้สอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล เพื่อรับผู้เดินทางจากทั่วโลก การดําเนินการตามแผนและมาตรการจัดการด้านสาธารณสุขทั้งหลายนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-Pandemic ที่จะประกาศให้เป็นโรคติดต่อทั่วไป

ในการนี้ รัฐบาลโดยข้อเสนอของฝ่ายสาธารณสุขจึงเห็นสมควรพิจารณาปรับลดระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันโรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจควบคู่กับการคงดำเนินมาตรการที่จำเป็นสำหรับป้องกันและควบคุมโรค รวมทั้งเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังโรคต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อควบคุมการระบาดของโรคให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

โดยในข้อ 3 ของข้อกำหนดดังกล่าวได้ระบุถึง การผ่อนคลายข้อปฏิบัติในการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทั่วราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนสามารถดําเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับสภาวะปกติยิ่งขึ้น จึงสมควรผ่อนคลายข้อจํากัดในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า โดยยกเลิกความในข้อ 1 แห่งข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2564

การสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าให้เป็นการปฏิบัติโดยความสมัครใจ โดยขอให้ประชาชนพิจารณาประโยชน์ตามข้อมูลที่ฝ่ายสาธารณสุขรายงานว่า การสวมหน้ากากอย่างถูกวิธีเป็นประโยชน์ด้านสุขอนามัยในการป้องกันการแพร่เชื้อและการรับเชื้อ ทั้งเชื้อโรคโควิดและโรคติดเชื้อ ทางระบบทางเดินหายใจอื่นๆ รวมทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (กรมอนามัย) จึงมีข้อแนะนําให้ประชาชนทั่วไปสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสถานที่หรือในพื้นที่แออัด มีการรวมกลุ่มคนจํานวนมาก ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ หรืออากาศระบายถ่ายเทไม่ดีเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ หรือรับเชื้อ

กรณีเป็นผู้เข้าข่ายเสี่ยงที่เมื่อติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการรุนแรงหรือความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต (กลุ่ม 608) หรือผู้ที่มีโรคประจําตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ และกรณีเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 หรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากเชื้อโควิด-19 จําเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่โรค

ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งชี้แจง ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้ประชาชนทุกภาคส่วนทราบถึงแนวการปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดความปลอดภัย สอดคล้องกับมาตรการสังคม ชุมชน และองค์กร เปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-Pandemic เฝ้าระวังและกํากับติดตาม สถานการณ์ รวมทั้งจัดทําแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ย้อนสื่อถามปรับครม. มันเป็นเรื่องของผม

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการอภิปรายไว้วางใจของฝ่ายค้าน อาจพาดพิงถึงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพว่า ทุกเหล่าทัพรู้อยู่แล้ว และตนเน้นย้ำไปแล้ว กรณีเรือดำน้ำที่ขาดเครื่องยนต์ ยังต้องรออีก 60 วัน ซึ่งเป็นไปตามสัญญา การดำเนินการต่างๆ มีสัญญาระบุไว้ทั้งหมด คงไม่มีใครไปซื้อเรือดำน้ำที่ไม่มีเครื่องยนต์

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านขอเวลาอภิปราย 5 วัน นานไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า วิปพิจารณาอยู่ วันนี้ตนอยากใช้เวลาให้มากที่สุดในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ในเรื่องสภาก็เป็นสิทธิของท่าน ต้องพิจารณาว่าควรหรือไม่ เพราะปัญหาหลายอย่างทับถมเข้ามา ซึ่งต้องมีสมาธิในการทำงานหลายเรื่อง และต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ สิ่งไหนที่มีปัญหาก็ชี้แจงทำความเข้าใจ เชื่อว่าน่าจะเข้าใจกันได้บ้าง ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะไม่เข้าใจ ก็เป็นเรื่องที่ลำบาก

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังศึกซักฟอกจะมีการปรับครม.หรือไม่ เพราะมีกรณีนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ที่ถูกดำเนินคดีรุกป่า นายกฯ กล่าวว่า “เป็นเรื่องของผมที่จะตัดสินใจ”

เมื่อถามย้ำว่ามีอยู่ในใจแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าเป็นเรื่องของตน ในการตัดสินใจ เป็นเรื่องของนายกฯ ไม่ใช่จะต้องมาตอบตรงนี้