ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ย้ำจุดยืน อายุน้อยกว่า 20 ปี ไม่ควรเข้าถึง ‘กัญชา’

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ย้ำอายุน้อยกว่า 20 ปี ไม่ควรเข้าถึง ‘กัญชา’ แม้ไทยประกาศปลดล็อก ขอหน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามผลกระทบอย่างจริงจัง

 

วันที่ 10 มิถุนายน ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์จุดยืนของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่อง ผลกระทบของกฎหมายกัญชาเสรีต่อสุขภาพเด็กและวัยรุ่น ลงวันที่ 9 มิถุนายน ระบุว่า สืบเนื่องจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 ประกาศยกเว้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 โดยเฉพาะกัญชา ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2565 จะส่งผลให้ประชาชนทุกคนในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มเปราะบางคือเด็กและวัยรุ่นสามารถเข้าถึงกัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาโดยไม่ผิดกฎหมาย จากการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา รวมถึงการนำกัญชาซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ทำให้เสพติดมาใช้เพื่อนันทนาการ

ในพืชกัญชามีสารแคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) หลายชนิด แบ่งเป็น สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่สำคัญ ได้แก่ THC และสารไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่สำคัญ ได้แก่ แคนนาบินอยด์ (Cannabinoid-CBD) ในทางการแพทย์มีการนำมาใช้รักษาโรคลมชักชนิดดื้อยากันชัก

สำหรับสาร THC มีการนำมาใช้เช่นกัน เช่น การรักษาประคับประคองของมะเร็งระยะสุดท้าย แต่หากมีการนำกัญชา หรือสารสกัดกัญชามาใช้เป็นส่วนผสมของอาหาร หรือการแปรรูปต่างๆ หรือให้มีการใช้กัญชาได้อย่างเสรี โดยไม่มีกฎหมายควบคุม ประชาชนก็จะมีโอกาสได้รับสารแคนนาบินอยด์เหล่านั้นเข้าไปจนอาจมีผลกระทบรุนแรง

โดยเฉพาะผลกระทบต่อสมองของเด็กและวัยรุ่น เช่น พัฒนาการล่าช้า ปัญหาพฤติกรรม เชาวน์ปัญญาลดลง และส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ เช่น มีความเสี่ยงต่อการป่วยโรคจิตเภท ภาวะฆ่าตัวตาย เสี่ยงต่อการติดสารเสพติดชนิดอื่นๆ รวมถึงผลเสียต่อสุขภาพกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมกุมารประสาทวิทยา (ประเทศไทย) ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย ชมรมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กแห่งประเทศไทย มีความห่วงใยและตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น พร้อมมีคำแนะนำเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจะเกิดจากกัญชาต่อเด็กและวัยรุ่น ดังนี้

1.เด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ไม่ควรเข้าถึงและบริโภคกัญชา เนื่องจากสมองยังไม่พัฒนาเต็มที่ และกัญชามีสาร THC ที่มีผลต่อสมองเด็กในระยะยาว ดังนั้น เด็กจึงไม่ควรได้รับ THC ยกเว้นมีความจำเป็นทางการแพทย์ เช่น ประกอบการรักษาประคับประคองผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย โรคลมชักรักษายาก ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด

2.ให้มีการประชาสัมพันธ์กับประชาชนเรื่องโทษของการใช้กัญชากับสมองเด็ก เพื่อให้เกิดความตระหนักต่อการเข้าถึงกัญชาในเด็กและวัยรุ่นเพื่อนันทนาการว่ากัญชาเป็นสารที่มีฤทธิ์เสพติด ส่งผลต่อสุขภาพกายและจิตใจในระยะเฉียบพลัน และอาจรุนแรงถึงกับชีวิตได้ รวมถึงมีผลในระยะยาวต่อสมอง ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำงานของสมองที่กำลังพัฒนา

3.ให้มีมาตรการควบคุม การผลิต และขายอาหาร หรือผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาผสม และให้มีเครื่องหมาย/ข้อความเตือนอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการใช้ในเด็กและวัยรุ่น โดยระบุ “ห้ามเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี บริโภค”

4.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมการผลิตโฆษณาผลิตภัณฑ์ ควบคุมไม่ให้มีการจงใจออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม เช่น ภาพการ์ตูน หรือใช้คำพูดสื่อไปในทางให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นอาหาร หรือขนมที่เด็กและวัยรุุ่นบริโภคได้

5.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการติดตามผลกระทบของกัญชาต่อเด็กอย่างต่อเนื่องและจริงจัง หลังจากใช้กฎหมายกัญชาเสรี

ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยพร้อมเสมอที่จะให้ข้อมูลที่เที่ยงตรงและถูกต้อง บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมถึงให้ข้อแนะนำที่เหมาะสมแก่บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบของกัญชาต่อเด็กและวัยรุ่น