สายลับชาติตะวันตก อ่านใจปูติน ภายใต้แรงกดดัน สงครามบุกยูเครน

บรรดาสายลับชาติตะวันตกต่างเชื่อว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กำลังติดอยู่ในวังวนความคิดตัวเองในศึกยูเครน สายลับเหล่านี้พยายาม อ่านใจปูติน เพื่อคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดตามมา

 

วันที่ 21 มีนาคม บีบีซีไทย รายงานบทวิเคราะห์ของ กอร์ดอน คอเรรา ผู้สื่อข่าวความมั่นคง บีบีซี เรื่อง ปูตินอาจเดินเกมรบที่อันตรายหากถูกต้อนให้จนมุม

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา สายลับของชาติตะวันตกเหล่านี้พยายามอ่านความคิดและจิตใจของผู้นำรัสเซีย เพื่อให้เข้าใจเจตนาและเป้าหมายของปูตินได้มากขึ้น และจะคาดการณ์ได้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน

ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีปูตินกำลังป่วย แต่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า ผู้นำรัสเซียน่าจะอยู่ในภาวะโดดเดี่ยว และถูกตัดขาดจากมุมมองความคิดที่หลากหลายอื่น ๆ มากกว่า

เห็นได้จากหลักฐานภาพถ่ายในการประชุมต่าง ๆ เช่น ภาพพบปะกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งผู้นำทั้งสองนั่งที่หัวโต๊ะรูปวงรีห่างกันหลายเมตร เช่นเดียวกับตอนที่ปูตินประชุมกับคณะทำงานด้านความมั่นคงของตัวเองก่อนที่จะสั่งกองทัพบุกยูเครน

Russian President Vladimir Putin, right, speaks to Russian Defense Minister Sergei Shoigu. (Alexei Nikolsky, Sputnik, Kremlin Pool Photo via AP)

เจ้าหน้าที่ข่าวกรองชาติตะวันตกคนหนึ่งอธิบายกับบีบีซีว่า แผนการทางทหารช่วงต้นของนายปูตินดูเหมือนแผนที่คิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่สายลับเคจีบีคนหนึ่ง หรือคนกลุ่มเล็กๆ ที่สมคบคิดกัน อย่างลับๆ แต่ผลที่ได้กลับเป็นความวุ่นวาย เหล่าผู้บัญชาการทหารรัสเซียต่างไม่มีความพร้อม และทหารบางนายก็มุ่งหน้าไปยังพรมแดนยูเครนโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

อ่านใจปูติน-ยากมาก

จอห์น ไซเฟอร์ อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการรัสเซียของสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐอเมริกา หรือซีไอเอ ระบุว่า “ความท้าทายในการทำความเข้าใจท่าทีของรัฐบาลรัสเซียคือการที่ปูตินคือผู้กุมอำนาจการตัดสินใจเพียงคนเดียวในรัฐบาล”

และแม้มุมมองของปูตินจะมีความชัดเจนผ่านแถลงการต่าง ๆ ต่อสาธารณะ แต่การคาดเดาว่าผู้นำรัสเซียจะทำอย่างไรต่อเรื่องเหล่านี้กลับเป็นเรื่องยากมาก

เซอร์ จอห์น ซอร์ส อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองเอ็มไอซิกซ์ (MI6 ) ของอังกฤษเผยกับบีบีซีว่า เป็นเรื่องยากมากที่จะได้ข่าวกรองว่าผู้นำรัสเซียกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะผู้คนในรัฐบาลรัสเซียเองก็ยังไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

Russian President Vladimir Putin  (Ramil Sitdikov/Sputnik Pool Photo via AP)

เหล่าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองระบุว่า นายปูตินกำลังอยู่ในโลกของความคิดตัวเอง โดยที่ได้รับข้อมูลจากโลกภายนอกน้อยมาก โดยเฉพาะข้อมูลที่ท้าทายหรือขัดแย้งกับสิ่งที่เขาคิด

ศาสตราจารย์ เอเดรียน เฟอร์แนม ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา และผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Psychology of Spies and Spying กล่าวว่า ปูตินคือเหยื่อของการโฆษณาชวนเชื่อของตัวเอง ในแง่ที่ว่าเขาจะรับฟังเฉพาะคนจำนวนหนึ่ง และปิดกั้นสิ่งที่เหลือทุกอย่าง ซึ่งนี่ทำให้เขามีมุมมองต่อโลกที่ประหลาด

“นี่เสี่ยงทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ความคิดคล้อยตามกลุ่ม (group think) ซึ่งทุกคนต่างสนับสนุนความคิดของเขา “ถ้าเขาเป็นเหยื่อของการคิดตามกลุ่ม เราจำเป็นต้องรู้ว่ากลุ่มที่ว่านี้คือใคร”

บรรดาเจ้าหน้าที่ข่าวกรองชาติตะวันตกเชื่อว่า คนกลุ่มนี้ทั้งหมดคือผู้ที่มีชุดความคิดและความหมกมุ่นแบบเดียวกับนายปูติน

Russian President Vladimir Putin, left, chairs a Security Council meeting in the Kremlin in Moscow, Russia, Monday, Feb. 21, 2022.  (Sputnik, Kremlin Pool Photo via AP)

คาดปูตินฝังใจตะวันตกจ้องปองร้าย

ผู้เฝ้าสังเกตประธานาธิบดีปูตินต่างเชื่อว่า ผู้นำรัสเซียถูกขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการเอาชนะสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นความอัปยศของรัสเซียหลังสงครามเย็นสิ้นสุดลงในช่วงทศวรรษที่ 1990 รวมทั้งความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า ชาติตะวันตกกำลังจ้องจะกดให้รัสเซียตกต่ำ แล้วโค่นเขาลงจากอำนาจ

นักสังเกตการณ์คนหนึ่งที่เคยพบกับนายปูตินยังจำได้แม่นว่าปูตินหมกมุ่นอยู่กับการดูวิดีโอที่พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบียถูกสังหารหลังจากถูกโค่นอำนาจในปี 2554

เมื่อบีบีซีขอให้ วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการซีไอเอ ประเมินสภาพจิตใจของผู้นำรัสเซีย เบิร์นส์อธิบายว่า เกิดจากการหลอมรวมกันของความรู้สึกคับข้องใจ และความทะเยอทะยานที่สะสมมานานหลายปี พร้อมชี้ว่า ผู้นำรัสเซียมีแนวคิดที่ “แข็งกร้าวขึ้น” อีกทั้งยังปิดกั้นจากมุมมองอื่นๆ มากขึ้นกว่าเดิม

ท่าทีอันไร้เหตุผลและแข็งกร้าวมากขึ้นของนายปูตินทำให้หลายฝ่ายอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าเขาเสียสติไปแล้วหรือไม่

โควิดอาจส่งผลต่อสุขภาพจิต

ซีไอเอมีหน่วยงาน “วิเคราะห์ผู้นำ” ซึ่งศึกษาปูมหลัง ความสัมพันธ์ และสุขภาพ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในด้านข่าวกรอง

นอกจากนี้ ยังมีการเก็บข้อมูลจากบุคคลใกล้ชิดโดยตรงของผู้นำชาติต่าง ๆ เช่น  อังเกลา แมร์เคิล ตอนที่ยังเป็นนายกฯ เยอรมนี ได้บอกกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เมื่อปี 2557 ว่าปูตินใช้ชีวิต “อยู่คนละโลก”

ปูติน เมื่อครั้งเจรจากับ แองเกลา แมร์เคิล ตอนที่ผู้นำหญิงยังเป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนี / AP PHOTO

ส่วนประธานาธิบดีมาครงแห่งฝรั่งเศสที่เพิ่งจะได้พบปะกับนายปูติน บอกว่า ผู้นำรัสเซียมีท่าที “ไม่ผ่อนปรน และโดดเดี่ยวมากขึ้น” เมื่อเทียบกับตอนที่ได้พบปะกันในครั้งก่อน

บางคนคาดเดาโดยไม่มีหลักฐานยืนยันมากมายว่าผู้นำรัสเซียอาจป่วย หรือได้รับผลกระทบจากการใช้ยา บ้างคาดว่าปูตินอาจรู้สึกว่าเวลาของตัวเองใกล้จะหมดลง จึงต้องการบรรลุเป้าหมายในการปกป้องรัสเซีย และกอบกู้ความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติให้กลับคืนมาอีกครั้ง นอกจากนี้ในช่วงการระบาดของโควิด เขาต้องเก็บตัวจากผู้อื่น และนี่อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต

นายแพทย์ เคน เดกเลวา อดีตแพทย์ประจำรัฐบาลสหรัฐ และนักการทูต ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิจัยอาวุโสที่มูลนิธิจอร์จ เอชดับเบิลยู บุช เพื่อความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน กล่าวว่า “ปูตินไม่น่าจะป่วยทางจิต หรือเปลี่ยนไป แม้เขาจะมีท่าทีหุนหันพลันแล่นและโดดเดี่ยวขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตาม”

แต่เรื่องน่ากังวลก็คือการไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้เข้าไปถึงโลกที่ปิดกั้นของนายปูตินเลย หน่วยข่าวกรองของรัสเซียอาจไม่กล้าบอกสิ่งที่ปูตินไม่อยากฟังในช่วงก่อนการบุกยูเครน พูดแต่ความสำเร็จที่กองทัพรัสเซียจะได้รับในการทำสงครามครั้งนี้

Russian President Vladimir Putin, March 18, 2022. (Sergei Guneyev/Sputnik Pool Photo via AP)

หวั่นปูตินถูกบีบให้จนมุมอาจคลั่ง

เรื่องที่ปูตินเคยเล่าถึงตอนเด็กที่วิ่งไล่กวดหนู ต้อนมันไปจนมุม หนูตัวกลับพุ่งจู่โจมเขา ทำให้เขาต้องวิ่งหนีเสียเอง เรื่องนี้ทำให้ผู้นำโลกตะวันตกกำลังสงสัยว่า ปูตินรู้สึกว่าตัวเองกำลังจนมุมอยู่หรือไม่ ถ้าใช่ ก็น่าวิตกว่า ปูตินอาจเพิ่มการใช้อาวุธร้ายแรงในการโจมตียูเครน เช่น อาวุธเคมี หรืออาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี (tactical nuclear weapon)

ศาสตราจารย์ เฟอร์แนม ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สิ่งที่น่ากังวลก็คือการที่นายปูตินอาจตัดสินใจใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านี้อย่างหุนหันพลันแล่น บ้าคลั่งและไร้เหตุผล

นายแพทย์ เคน เดกเลวา กล่าวว่า “ปูตินมองตัวเองว่าจะไม่ยอมให้เกิดความล้มเหลวหรือความอ่อนแอ เขาเกลียดสิ่งเหล่านี้…”ปูตินที่จนมุมและอ่อนแอคือปูตินที่อันตราย” ดังนั้นบางทีอาจจะดีกว่าที่จะปล่อยหมีให้วิ่งออกจากกรงแล้วกลับเข้าป่าไป”