“รองโฆษกไทยสร้างไทย” จี้รัฐบาลกางแผนหาเงินใช้หนี้ประเทศก่อนหมดวาระ ย้ำควรนำเงินกู้ที่ยังเหลืออยู่อัดฉีด SME ก่อนฟุบยาว

วันที่ 9 มีนาคม 2565 นายเจตุบัญชา อำรุงจิตชัย รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่านับตั้งแต่รัฐบาล คสช.จนถึง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำงบประมาณขาดดุลไปกว่า 6.5 ล้านล้านบาท จนทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะของไทยทะลุ 9.6 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 59.88% ของจีดีพี จึงขอให้รัฐบาลตอบคำถามต่อสังคมให้ได้ว่ามีแผนจะใช้หนี้ทั้งหมดนี้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นภาระของภาษีประชาชนหลังจากที่รัฐบาลพ้นไปแล้ว

นายเจตุบัญชา กล่าวเพิ่มเติ่มว่าการบริหารจัดการของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้มีการจัดลำดับความสำคัญว่าเงินส่วนนี้จำเป็นหรือไม่จำเป็น ดังนั้นต่อให้กู้มาเพิ่มมากแค่ไหนก็คงมีแต่ใช้หมดไป โดยไม่มีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในช่วงคับขันอย่างนี้ การจะเลือกดำเนินมาตรการอะไรก็ตามจำเป็นจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ต้องไม่กระทบต่อฐานะการคลังของประเทศและต้องตอบโจทย์เรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้วย

การเลือกที่จะใช้วิธีการกู้อย่างเดียวคงจะไม่ใช่คำตอบ ทางที่ดีคือรัฐจำเป็นจะต้องนำเงินที่กู้มาและยังเหลืออยู่ อัดเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปในระบบของ SME ที่กำลังขาดสภาพคล่องกว่า 3 ล้านรายให้พยุงกิจการและพลิกฟื้นกลับมาให้ได้ เพราะนั่นหมายถึงการที่รัฐจะสามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีได้มากขึ้น รวมถึงรีบระดมทีมงานด้านเศรษฐกิจทั้งหมดร่วมกันวางแผนทุกมิติที่จะสามารถดึงเงินทุนต่างชาติเข้ามาสร้างการหมุนเวียนกระแสเงินสดในประเทศ ไม่ใช่เงินเข้ามาในประเทศจากวิธีการกู้อย่างเดียว

“ขอให้รัฐบาลทำภารกิจสุดท้ายก่อนหมดวาระ ด้วยการเปิดแนวทางการใช้หนี้ประเทศให้ประชาชนได้เห็นพร้อมกันว่ามีแผนการและกรอบเวลาอย่างไรบ้าง เพื่อสร้างความศรัทธาของประชาชนให้กลับมา จะได้ลงจากตำแหน่งด้วยความสง่าผ่าเผย หวังว่าประชาชนจะได้เห็นฝีมือรัฐบาลชุดนี้จริงๆซักครั้งว่ามีดีจริงอย่างที่ว่าหรือไม่ จะมีวิธีแก้หนี้ที่เกิดในยุคท่านอย่างไร จึงขอชวนประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันจับตาและตรวจสอบในครั้งนี้ด้วยกัน” นายเจตุบัญชากล่าว