เผยแพร่ |
---|
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 รอยเตอร์สรายงานโดยอ้างรายงานของสื่อทางการรัสเซียว่า การลงประชามติในเบลารุสเมื่อวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น เห็นชอบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ถอนสถานะประเทศปลอดนิวเคลียร์ ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นประเทศที่สามารถติดตั้งฐานยิงอาวุธนิวเคลียร์ให้กับรัสเซีย ท่ามกลางที่เบลารุสกลายเป็นฐานที่สองที่กองทัพรัสเซียตั้งกำลังก่อนเข้ารุกรานยูเครน
โดยผลการประชามติ โดยคณะกรรมการเลือกตั้งกลางกล่าวว่า ผลมติเห็นชอบ 65.2% ซึ่งค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย เพราะหน่วยงานดังกล่าวถูกควบคุมโดยอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก้ ประธานาธิบดีเบลารุส
การแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ จะทำให้เห็นฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์บนแผ่นดินเบลารุสเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ทศวรรษที่ประเทศนี้ยอมทิ้งสถานะดังกล่าวหลังสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991
ท่าทีนี้สอดรับการจุดยืนของรัฐบาลเบลารุสภายใต้การนำของลูคาเชนโก้ที่เป็นรัฐบาลลูกไล่ของรัสเซียที่รัสเซียใช้เบลารุสในการวางกองกำลังก่อนเข้าบุกยูเครนจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือพร้อมกับการบุกอีก 2 ทิศทางเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ชาติตะวันตกได้กล่าวว่ายังไม่ได้รับรองผลการประชามติดังกล่าว และจากข้อมูลฮิวแมนไรท์ วอช องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เบลารุสมีการปราบปรามทางการเมืองในช่วงหลายปี รวมถึงการจับกุมประชาชนเบลารุสที่ออกมาต่อต้านคัดค้านการทำสงครามของรัสเซียต่อยูเครนในหลายเมือง จนทำให้มีตัวเลขประชาชนที่ถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 290 คน
ก่อนหน้านี้ ลูคาเชนโก้กล่าวว่า หากชาติตะวันตกจะส่งมอบอาวุธนิวเคลียร์มายังโปแลนด์หรือลิทัวเนีย มายังพรมแดนเรา อย่างนั้นเราจะทำกลับโดยขอให้ปูตินส่งมอบนิวเคลียร์ที่เคยคืนไปกลับมาโดยไม่มีเงื่อนไข
ในช่วงการลงประชามตินั้น อดีตนักการเมืองฝ่ายค้านของเบลารุสที่ลี้ภัยอยู่อย่าง สเวตลาน่า ซิคานูโคว่า เรียกร้องให้ชาวเบลารุสออกมาลงคะแนนเสียงคัดค้านเพื่อประท้วงการทำสงครามของรัสเซีย
นอกจากนี้ มีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวว่า ขอให้พลเรือนสหรัฐฯรีบเดินทางออกจากรัสเซียด้วยเครื่องบินพาณิชย์ในทันที หลังจากที่พบว่ามีตัวเลขของสายการบินหลายแห่งยกเลิกเที่ยวบินและหลายประเทศประกาศปิดน่านฟ้ากับรัสเซียหลังจากรัสเซียนำกองทัพรุกรานยูเครน
โดยเว็บไซต์สถานทูตสหรัฐฯในกรุงมอสโกแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินเมื่อวานนี้ว่า พลเมืองสหรัฐฯทุกคนโปรดพิจรณาเดินทางออกจากรัสเซียผ่านตัวเลือกเชิงพาณิชย์ที่ยังสามารถให้บริการได้โดยทันที และขอให้พลเมืองสหรัฐฯ มี “แผนฉุกเฉินที่ไม่พึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ”
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ให้คำแนะนำการเดินทางสำหรับรัสเซียไว้ที่ “ระดับ 4: ห้ามเดินทาง” เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในมอสโกได้แนะนำให้ชาวอเมริกันในประเทศมีแผนอพยพ โดยอ้างถึงภัยคุกคามจากการโจมตีในมอสโกและตามแนวชายแดนรัสเซียกับยูเครน