ขอบคุณข้อมูลจาก | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
วันที่ 28 ก.พ. เอเอฟพี และบีบีซีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความไม่สงบใน ประเทศยูเครน หลังกองทัพรัสเซียเปิดฉากโจมตีทางการทหารตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สั่งการให้กองกำลังป้องปรามทางนิวเคลียร์ของประเทศเตรียมความพร้อมในระดับสูง และกล่าวหาชาติตะวันตกว่ากำลังดำเนินมาตรการที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซีย สร้างความตึงเครียดให้กับนานาประเทศเนื่องจากรัสเซียมีคลังอาวุธนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีขีปนาวุธจำนวนมาก
VIDEO: Putin orders nuclear forces on high alert.
Russian president orders his defence chiefs to put nuclear "deterrence forces" on high alert and accuses the West of taking "unfriendly" steps against his country. Russia has the world's second-largest arsenal of nuclear weapons pic.twitter.com/NjxNSJBJ3Y
— AFP News Agency (@AFP) February 28, 2022
“ผมสั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและเสนาธิการกองทัพรัสเซียยกระดับกองกำลังป้องปรามของกองทัพรัสเซียเข้าสู่ปฏิบัติการต่อสู้พิเศษ พวกคุณเห็นแล้วว่าประเทศตะวันตกไม่เพียงแต่ไม่เป็นมิตรกับประเทศของเราในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น ผมหมายถึงการคว่ำบาตรที่ผิดหลักการ
และเจ้าหน้าที่อาวุโสของประเทศชั้นนำขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ยอมให้มีการแถลงการณ์เชิงรุกต่อประเทศของเราด้วย” นายปูตินกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ ขณะที่นายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวยืนยันตามแถลงการณ์ของนายปูติน
นางเจน ซากี โฆษกประจำทำเนียบขาวแห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าทางการสหรัฐประณามประธานาธิบดีปูตินต่อคำสั่งให้กองกำลังนิวเคลียร์รัสเซียเตรียมพร้อมต่อสู้ การแถลงการณ์ของนายปูตินในวันที่ 4 วันหลังจากกองทัพรัสเซียเริ่มปฏิบัติการโจมตียูเครน ถือเป็นการยกระดับที่อันตรายและเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการหาข้อแก้ตัวที่สร้างขึ้นเพื่อพิสูจน์ความก้าวร้าว
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของนายปูตินเกิดขึ้นในขณะที่กองกำลังยูเครนซึ่งได้รับความช่วยเหลือทางอาวุธจากชาติตะวันตก และยังคงขัดขวางการรุกของกองทัพรัสเซีย
“เราเชื่อว่านี่ไม่ได้เป็นเพียงขั้นตอนที่ไม่จำเป็นสำหรับนายปูตินเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับขึ้นอีกด้วย ที่ว่าไม่จำเป็นเพราะรัสเซียไม่เคยตกอยู่ภายใต้การคุกคามของชาติตะวันตก นาโต และแน่นอนว่าไม่ได้อยู่ภายใต้การคุกคามใดๆ จากยูเครน ส่วนการยกระดับนั้นเนื่องจากเห็นได้ชัดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเพิ่มกองกำลัง หากมีการคาดการณ์ที่ผิดพลาดก็อาจทำให้สิ่งต่างๆ อันตรายมากขึ้นได้”
เจ้าหน้าที่อาวุโสระบุ และปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่ากองกำลังนิวเคลียร์ของสหรัฐซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกได้รับการแจ้งเตือนให้เตรียมความพร้อมในระดับสูงหรือไม่ “ผมจะบอกเพียงว่าเรายังมั่นใจในความสามารถในการป้องกันตัวเองและชาติพันธมิตรของเรา นั่นรวมถึงในขอบเขตการป้องปรามเชิงกลยุทธ์ด้วย”
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน) ระบุถึงสถานการณ์การสู้รบในยูเครนว่าขณะนี้รัสเซียส่งกำลังพลเข้าประจำการในยูเครนแล้วประมาณ 2 ใน 3 ของเจ้าหน้าที่ 150,000 นายที่รัสเซียตรึงกำลังบริเวณชายแดน แต่จากข้อมูลเบื้องลึกของเพนตากอนพบว่ากองกำลังรัสเซียยังไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้าจะข้ามพรมแดนยูเครน
แผนการที่เห็นได้ชัดที่สุดของรัสเซียคือการยึดเมืองใหญ่ที่สุดสองเมืองอย่างรวดเร็ว ทั้งกรุงเคียฟและเมืองคาร์คีฟ แต่แผนดังกล่าวหยุดชะงักลงเนื่องจากกองกำลังยูเครนเดินหน้าต่อต้านรัสเซียได้อย่างสร้างสรรค์
รัสเซียยังไม่บรรลุสิ่งที่ตั้งใจไว้ สหรัฐไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นความล้มเหลวในการวางแผนหรือการดำเนินการ แต่รัสเซียจะปรับตัวและยังมีกำลังพลอีก 1 ใน 3 ส่วนที่จะบุกโจมตีจากชายแดนเข้ามายังส่วนกลาง
ขณะที่ เมื่อวานนี้ บีบีซี รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาแถลงว่าจะส่งอาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่ากว่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 11,350 ล้านบาทแก่ ยูเครน เพื่อรับมือกับการรุกรานของกองกำลังรัสเซีย ครอบคลุมถึงขีปนาวุธเจฟลิน ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ระบบป้องกันภัยทางอากาศต่อต้านเครื่องบินรบ และเสื้อเกราะ
ด้านเยอรมนีซึ่งไม่ขยับเรื่องการทหารนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้เปลี่ยนท่าทีซึ่งถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยรัฐบาลเยอรมนีระบุว่าจะเร่งส่งเครื่องยิงระเบิดต่อต้านรถถัง 1,000 เครื่อง และขีปนาวุธแบบภาคพื้นสู่อากาศสติงเจอร์อีก 500 ลูก รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ประกาศเสริมอาวุธป้องกันตัวให้แก่ยูเครน ประกอบด้วยเครื่องยิงจรวดต่อต้านรถถัง แพนเซอร์ฟอสต์-3 50 เครื่อง และจรวด 400 ลูก
ส่วนองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แถลงว่าจะส่งกองกำลังตอบสนองรวดเร็ว 40,000 นายไปยังชาติพันธมิตรยุโรปตะวันออกเพื่อตรึงกำลังเฝ้าระวัง แต่ย้ำว่าจะไม่ส่งกำลังเข้าไปในยูเครน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีสกอต มอร์ริสัน ผู้นำออสเตรเลีย กล่าวหลังจากเดินทางไปร่วมพิธีสวดภาวนากับชาวยูเครน-ออสเตรเลียนที่โบสถ์ในนครซิดนีย์ ว่าจะช่วยเหลือทางการเงินเพื่อจัดหาอาวุธให้กับยูเครนในการต่อสู้ป้องกันตัวจากกองกำลังรัสเซีย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่รัฐบาลออสเตรเลียระบุว่าจะจัดหายุทโธปกรณ์ทางทหารที่ไม่มีอานุภาพทำลายล้าง ออสเตรเลียจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ถูกต้องและจะพยายามหาทางสนับสนุนทุกอย่างที่สามารถทำได้ผ่านพันธมิตรนาโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
นอกจากความช่วยเหลือระหว่างรัฐและองค์กรระหว่างประเทศแล้ว นายฮิโรชิ มิกิตานิ มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ราคุเต็น อีคอมเมิร์ซยักษณ์ใหญ่ของประเทศ กล่าวว่าจะบริจาคเงิน 8.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 280 ล้านบาทแก่รัฐบาลยูเครน พร้อมทั้งประณามการรุกรานของรัสเซียว่าเป็นความท้าทายของประชาธิปไตย
นายมิกิตานิส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีเซเลยสกี โดยข้อความส่วนหนึ่งกล่าวว่าตั้งใจจะบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนชาวยูเครน ผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงจากการโจมตีของรัสเซีย
นายมิกิตานิซึ่งเคยพบปะพูดคุยกับนายเซเลนสกีขณะเดินทางเยือนกรุงเคียฟเมื่อปี 2562 ระบุเชื่อว่าการเหยียบย่ำยูเครน ประเทศที่สงบสุขและเป็นประชาธิปไตยด้วยกำลังที่ไม่ยุติธรรมนั้นเป็นความท้าทายต่อระบอบประชาธิปไตย ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัสเซียและยูเครนสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างสันติ และประชาชนชาวยูเครนจะมีสันติภาพอีกครั้ง