รถบรรทุกขีดเส้น 7 วันตรึงราคาดีเซลลิตรละ 25 บาท หากเมินนำม็อบลงถนน

รถบรรทุกขีดเส้น 7 วันตรึงราคาดีเซลลิตรละ 25 บาท หากเมินนำม็อบลงถนน กลุ่มแท็กซี่ขอก๊าซโลละ 9 บาท

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ กรณีปัญหาราคาน้ำมัน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น กลายเป็นปัญหาจนทำให้คนที่ได้รับผลกระทบออกมาเรียกร้องรัฐบาล ล่าสุดวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บริเวณหน้ากระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยและสมาชิก จัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์พลังของคนรถบรรทุกครั้งสุดท้าย หรือทรัคทาวเวอร์ไฟนอลซีซั่น (Truck Power Final Season) มีรถมาร่วมประมาณ 100 คัน เรียกร้องให้ปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 25 บาทต่อลิตร และขอให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่สามารถแก้ปัญหาโครงสร้างราคาน้ำมันให้ดีขึ้นได้

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ กล่าวว่า สหพันธ์ขอย้ำว่าสมาชิกและภาคประชาชน ต้องการให้รัฐบาลดูแลราคาน้ำมันดีเซล ทั้งการตรึงราคา 25-27 บาทต่อลิตร ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเหลือ 0.10 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี และให้ยกเลิกการนำไบโอดีเซลมาผสมกับน้ำมันดีเซล

ขู่ขึ้นค่าขนส่ง15-20%

นายอภิชาติกล่าวว่า นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรถขนส่งซึ่งแบกรับค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันและผลกระทบจากโควิด-19 ยาวนานกว่า 2 ปี หลังจากวันที่ 8 กุมภาพนธ์ เป็นต้นไป ผู้ประกอบการรถขนส่งจะเริ่มปรับขึ้นค่าขนส่ง 15-20% ขึ้นอยู่กับแต่ละเครือข่ายสมาคมขนส่งว่าจะปรับขึ้นมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้เป็นการปรับขึ้นทีเดียวทั้งระบบ การปรับขึ้นค่าขนส่งประชาชนจะได้เดือดร้อน และรัฐบาลก็ต้องเป็นผู้แบกรับภาระนี้ต่อไป
“พร้อมกันนี้สหพันธ์ เตรียมยกระดับการเคลื่อนไหวชุมนุม หากรัฐบาลยังนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้อง โดยยื่นคำขาดให้รัฐบาลตอบรับหรือออกมาตรการแก้ไขภายใน 7 วัน หากยังไม่ได้รับการตอบรับ ผมก็พร้อมถอดหมวกประธานสหพันธ์ และจะร่วมกับกลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดออกมาเคลื่อนไหว หรือลงถนนเพื่อเป็นการกดดันรัฐบาลต่อไป” นายอภิชาติกล่าว

‘รสนา’วอนรัฐลดภาษีน้ำมัน

ต่อมา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บจากน้ำมันทุกชนิดลงเหลือ 20 สตางค์ต่อลิตร เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน อาทิ น้ำมันดีเซลปัจจุบันเก็บภาษีสูงถึง 5.99 บาทต่อลิตร

น.ส.รสนากล่าวว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบต้นทุนอยู่ที่ 19 บาทต่อลิตร น้ำมันหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ 22 บาทต่อลิตร แต่ราคาน้ำมันหน้าปั๊มในประเทศไทยสูงถึง 24 บาทต่อลิตร

“รัฐบาลมองไม่เห็นหัวประชาชน ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ว่า จะให้ความเป็นธรรมกับราคาพลังงาน จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 7-8 ปี เรายังไม่เคยได้ความสุขคืนกลับมา หากรัฐบาลไม่สามารถลดอัตราภาษีสรรพสามิตตามข้อเรียกร้อง เท่ากับเป็นบทพิสูจน์ว่ารัฐบาลถูกแทรกแซงโดยเครือข่ายของกลุ่มธุรกิจพลังงานตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้มีรัฐมนตรีพลังงาน ที่ส่งตรงมาจากกลุ่มทุนพลังงานอย่างชัดเจน ซึ่งในอนาคตควรมีข้อบังคับกำหนดว่าไม่ให้ข้าราชการมาจากกลุ่มทุน และไม่ให้รับตำแหน่งนั่งอยู่ในบอร์ดของบริษัทเอกชนด้วย” น.ส.รสนา กล่าว

ส.แท็กซี่ขอเอ็นจีวี 9 บาท/กก.

ด้านนายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ได้ยื่นหนังสือต่อกระทรวงพลังงาน เรียกร้องพิจารณาปรับลดราคาก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจีสำหรับรถยนต์) ลงมาอยู่ที่ 9 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) นาน 3-6 เดือน หรือจนกว่าภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ จากปัจจุบันราคาเอ็นจีวีราคา 15.60 บาทต่อกก. และแอลพีจีอยู่ที่ 13.50 บาทต่อกก. และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
“ขณะนี้คนขับรถแท็กซี่มีรายได้ประมาณ 800 บาท เป็นค่าเชื้อเพลิง 500 บาท เหลือ 300 บาท หักค่าข้าวค่าน้ำเหลือเงินเข้าบ้านไม่ถึง 100 บาท ถ้าเป็นแท็กซี่เช่าซื้ออยู่ไม่ได้แน่นอน จึงอยากให้กระทรวงพลังงานเร่งช่วยเหลือ ถ้าไม่ได้รับการตอบรับข้อเสนอ สมาคมจะจอดแท็กซี่ทิ้งไว้บริเวณรอบกระทรวงพลังงานเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์” นายวิฑูรย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าว จากเดิมทางสหพันธ์จะปักหลักค้างคืนหน้ากระทรวงพลังงาน ได้เปลี่ยนแปลงโดยจะจัดกิจกรรมถึงเวลา 20.00 น.เท่านั้น

เล็งช่วยคนเดือดร้อนพลังงาน

นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีกระทรวงพลังงานการเตรียมปรับขึ้นราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) วันที่ 1 เมษายน หลังสิ้นมาตรการตรึงราคาไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (กก.) วันที่ 31 มีนาคมว่า มาตรการดังกล่าวจะเป็นมาตรการสุดท้าย เพราะต้องดูสถานการณ์ราคาแอลพีจีช่วงนั้นอีกครั้ง หากภาพรวมราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น ก็จะพิจารณาความเหมาะสมต่อไป ซึ่งราคาแท้จริงปัจจุบันหากไม่มีการช่วยเหลือ จะสูงถึง 434 บาทต่อถัง 15 กก. แต่หากมีการปรับขึ้นเบื้องต้นอาจขยับเป็นขั้นบันได กก.ละ 1 บาทตลอด 1 ไตรมาส รวม 3 ไตรมาสถึงสิ้นปีขึ้น กก.ละ 3 บาท แต่ยังเป็นเพียงข้อเสนอ ยังไม่ผ่านการพิจารณาอย่างเป็นทางการ

จับตาช่วยรายกลุ่มแท็กซี่-คนจน

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า มาตรการดูแลราคาพลังงานในภาพรวม นอกจากการมุ่งดูแลราคาน้ำมันดีเซล การเตรียมขึ้นราคาแอลพีจีแบบขั้นบันไดแล้ว กระทรวงพลังงานจะเข้าไปดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบรายกลุ่มให้ชัดเจนขึ้น อาทิ กลุ่มคนจนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปัจจุบันกระทรวงคลังช่วยเหลือแอลพีจีอยู่ 45 บาทต่อ 3 เดือน และจะหางบประมาณมาเพิ่มการช่วยเหลืออีก 55 บาทต่อ3เดือน รวมเป็น 100 บาทต่อ 3 เดือน ขณะที่รถแท็กซี่กรุงเทพฯและปริมณฑล จะเข้าไปดูแลในส่วนอ็นจีวีเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันกลุ่มนี้ได้ใช้เอ็นจีวีได้รับความช่วยเหลือจาก ปตท. ในราคา 13.62 บาทต่อกก. จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565 ซึ่งต่ำกว่าราคาปลีก 15.59 บาทต่อกก. นอกจากนี้ คาดว่ากลุ่มผู้ขับขี่รถสาธารณะประเภทอื่น รวมทั้งกลุ่มผู้ใช้เบนซินจะได้รับการดูแลจากมาตรการชุดใหม่ของกระทรวงพลังงานเช่นกัน

พาณิชย์แจงผลคุมราคาสินค้า

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมระบบทางไกลของคณะทำงานกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง(วอร์รูม) ว่า จากการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า พบว่าสินค้าบางรายการเริ่มมีราคาทรงตัวและบางชนิดลดลง อาทิ เนื้อหมู ราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ส่วนสะโพก ไหล่ ไม่รวมหมูเนื้อแดงปรุงแต่ง อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 164-170 บาท ลดจากสัปดาห์ก่อนที่ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศ กก.ละ 187 บาท ตอนนี้เฉลี่ยทั้งประเทศ กก.ละ 175 บาท เนื้อไก่ ราคาเริ่มทรงตัว ราคาจำหน่ายในห้าง ไก่เนื้อน่องติดสะโพก กก.ละ 65 บาท ตลาดสดเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 70-75 บาท ขณะที่น้ำมันพืชปาล์มแนวโน้มเริ่มลดลง เพราะผลปาล์มสดจะเริ่มออกสู่มากขึ้นในเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป แต่ราคาย้ำมันปาล์มจะทรงตัวระดับนี้อีกประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากยังเป็นสต๊อกเก่าที่ราคาต้นทุนสูง โดยราคาที่สำรวจจากร้านสะดวกซื้อ อยู่ที่ขวด (ลิตร) ละ 64-65 บาท และในห้างขวดละ 61-62 บาท

นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า ส่วนผลการตรวจสอบสต๊อกของห้องเย็นและโรงเชือด ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่กำหนดให้การเก็บเนื้อสุกรตั้งแต่ 5,000 กก.ขึ้นไป พบการกระทำผิดไม่แจ้งปริมาณตามที่กฎหมายกำหนด และผิด พ.ร.บ.คลังสินค้า ไซโลและห้องเย็น 12 ราย มีการส่งฟ้องและมีคำพิพากษาแล้ว 3 ราย คือ 1.ไม่แจ้งข้อมูลตามประกาศ กกร. 1 ราย ศาลสั่งปรับ 1 หมื่นบาท 2.ไม่แจ้งข้อมูล ปรับ 5,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละ 500 บาท รวม 13 วัน มีโทษจำคุกด้วย แต่รอลงอาญา 1 ปี 3.ปรับสูงสุด 1 หมื่นบาท ลดกึ่งหนึ่ง และปรับรายวันอีกวันละ 500 บาท รวม 10 วัน ส่วนที่เหลืออีก 9 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดีและส่งฟ้อง

ติดตามผลกระทบน้ำมัน-ก๊าซ

นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า วอร์รูมได้มอบหมายให้มีการติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น ซอสปรุงรส เครื่องใช้ไฟฟ้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง อาหารสัตว์ และสินค้าเกษตรสำคัญ รวมถึงติดตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการปรับลดหรือขึ้นของสินค้า เช่น ราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม และติดตามสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ในเบื้องต้นกรมการค้าภายในกำลังติดตามตรวจสอบโครงสร้างต้นทุนสินค้าต่อราคาพลังงานที่สูงขึ้น พบว่ามีผลกระทบต่อการขนส่งในสินค้าแตกต่างกันไป

นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า ขณะที่รัฐบาลก็มีมาตรการดูแล รวมถึงหากราคาก๊าซหุงต้มที่จะขยับขึ้น เมื่อดูส่วนต่างราคาที่ขึ้นกับการปรุงอาหารจานด่วน ยังไม่ได้รับผลกระทบจนสมควรต้องมีการขยับเมนูอาหาร ซึ่้งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในจะติดตามและตรวจสอบกำชับผู้ประกอบการในการดูแลราคาสินค้า และเอกชนยังให้ความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้า

สรท.คาดไตรมาสแรกส่งออกโต 5%

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) แถลงข่าวประเมินการส่งออกไทยในไตรมาสแรกปี 2565 โดยคาดว่าจะขยายตัว 5% และคงเป้าหมายขยายตัวทั้งปีระหว่าง 5-8% โดยมีปัจจัยปัจจัยบวกสำคัญคือ เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหรัฐ จีน ยุโรปและอาเซียนเติบโตต่อเนื่อง รวมไปถึงค่าเงินบาทยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมองกรอบค่าเงินบาททั้งปีอยู่ที่ 33-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

นายชัยชาญกล่าวว่า ส่วนปัจจัยปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกทั้งราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูง แต่มองว่าราคาน้ำมันดิบยังบริหารจัดการได้หากอยู่ในระดับ 90-100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล รวมไปถึงข้อพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะเกิดความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน รวมถึงปัญหาความหนาแน่นภายในท่าเรือประเทศปลายทาง ทำให้ต้องใช้ระยะเวลานานในการขนถ่ายสินค้า รวมถึงปัญหาการจัดสรรพื้นที่ไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถจองระวาง ตลอดจนค่าระวางเรือยังคงทรงตัวในระดับสูง โดยวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ทาง สรท.จะเข้าร่วมประชุมกับผู้ส่งออกทั่วโลก เพื่อยื่นข้อเสนอแนะในการลดค่าระวางเรือ ไม่ให้กระทบต่อต้นทุนการส่งออก

นายชัยชาญกล่าวว่า สรท.อยากให้ภาครัฐตรึงราคาพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เนื่องจากต้นทุนพลังงานคิดเป็นต้นทุนที่สำคัญในการผลิต ราว 2-10% หากราคาพลังงานมีการปรับตัวสูงเกินไปจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตของแต่ละอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นโดยตรง รวมถึงช่วยควบคุมต้นทุนภาคการผลิตตลอดโซ่อุปทาน อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ วัตถุดิบขั้นกลางสำหรับการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค อีกทั้งขอให้ภาครัฐพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำโดยอ้างอิงจากปัจจัยการปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อเป็นหลัก