ผู้นำจีนประกาศส่งมอบวัคซีนโควิด 1 พันล้านโดสให้ทวีปแอฟริกา

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สและเอพีรายงานว่า สี จิ้นผิง ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เปิดเผยว่า จีนจะส่งมอบวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1 พันล้านโดส ซึ่งไม่ระบุว่าเป็นวัคซีนชนิดใดให้ประเทศในทวีปแอฟริกาที่เผชิญการระบาดของโควิด-19 และการพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในบางประเทศ พร้อมเตรียมส่งเสริมให้บริษัทของจีนไปลงทุนอย่างน้อย 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯในอีก 3 ปี ข้างหน้า

ก่อนหน้านี้จีนเคยบริจาควัคซีนให้แอฟริกามาแล้วเกือบ 200 ล้านโดส ดังนั้นการประกาศมอบวัคซีนครั้งล่าสุดจึงเป็นการบริจาคเพิ่มเติมให้แอฟริกา ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ที่มีรายงานการพบครั้งแรกในแอฟริกาตอนใต้

ผู้นำจีนกล่าวด้วยว่า จีนจะบริจาควัคซีนจำนวน 600 ล้านโดสโดยตรง ส่วนอีก 400 ล้านโดสจะจัดหามาด้วยวิธีอื่น เช่น การลงทุนสร้างโรงงานผลิต

การให้คำมั่นของสี มีขึ้นในการประชุมด้านการค้าและความมั่นคงระหว่างจีนกับประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกา ซึ่งจัดขึ้นในเมืองไดอัมนีอาดีอูของเซเนกัล

“เราจำเป็นต้องต่อสู้กับโควิดร่วมกัน” สีกล่าวในการประชุมเมื่อวันจันทร์ และว่า “เราต้องจัดลำดับความสำคัญเพื่อปกป้องประชาชนของเรา และอุดช่องโหว่เรื่องการฉีดวัคซีน”

วัคซีนจากจีน กับการทูตเชิงรุก

อัตราการฉีดวัคซีนในแอฟริกานั้นค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในโลก โดยหลายประเทศต้องช่วยกันบริจาควัคซีนให้ เนื่องจากแอฟริกาไม่มีโรงงานผลิตในท้องถิ่น รวมถึงขาดแคลนเงินในการจัดซื้อวัคซีนจำนวนมาก

ทางการจีนได้บริจาควัคซีนที่ผลิตในประเทศอย่างซิโนฟาร์มให้กับประเทศยากจนในแอฟริกา นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาด อย่างไรก็ตาม การบริจาควัคซีนของจีนถูกมองว่าเป็นการทูตเชิงรุก

สียังกล่าวด้วยว่าจะมีการจัดตั้งศูนย์ข้ามพรมแดนจีน-แอฟริกา เพื่อสนับสนุนสถาบันการเงินของแอฟริกาด้วยวงเงินสินเชื่อ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้

การนำเข้าทั้งหมดของจีนจากแอฟริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำมันดิบและแหล่งแร่ที่สำคัญของจีน จะแตะระดับ 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐในอีก 3 ปีข้างหน้า สีกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ เช่น สุขภาพ นวัตกรรมดิจิทัล การส่งเสริมการค้า และการพัฒนาสีเขียว (green development)

ทางการจีนลงทุนอย่างหนักในแอฟริกา และเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของทวีปดังกล่าว โดยมีมูลค่าการค้าโดยตรงกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2562 ตามข้อมูลของสถานทูตจีนในเซเนกัล

การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ-จีน

การประชุมที่จัดขึ้นในเซเนกัล มีขึ้นหลังจาก “แอนโทนี บลิงเคน” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนไนจีเรียและเซเนกัล โดยมีฉากหลังเป็นการแข่งขันที่ร้อนแรงเพิ่มขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

บลิงเคนได้หารือเกี่ยวกับการส่งเสริมโรงงานผลิตวัคซีนกับผู้นำสองประเทศระหว่างการเยือนในเดือนเดียวกันนี้ พร้อมพูดเป็นนัยถึงลักษณะที่บางครั้งก็เต็มไปด้วยอันตรายในความสัมพันธ์ระหว่างแอฟริกากับจีน

เมื่อเดือนที่แล้ว “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศบริจาควัคซีนให้แอฟริกา จำนวน 17 ล้านโดส โดยเป็นวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งฉีดเพียงเข็มเดียว

ในการประชุมที่เซเนกัล “อมาโด โฮทท์” รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเซเนกัล กล่าวกับผู้ร่วมประชุมว่า การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้โครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลแอฟริกาหลุดรอดจากการแบกรับภาระหนี้ก้อนโต

“เราจำเป็นต้องลงทุนในหุ้นมากกว่านี้” เขากล่าวเพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการชาวจีนเข้ามาลงทุนในบริษัทท้องถิ่นมากขึ้น

ทางการจีนมักถูกกล่าวหาว่าใช้การทูตกับดักหนี้ (debt-trap diplomacy) อันเนื่องมาจากการให้เงินกู้กับประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกาและทวีปอื่น ๆ โดยใช้สถานะเจ้าหนี้ เพื่อกดดันให้ได้ผลประโยชน์ทางการทูตและการค้า

ระหว่างการเยือนแอฟริกาครั้งล่าสุดของบลิงเคน เขาได้อ้างถึงข้อกล่าวหานี้ โดยไม่ได้ระบุชื่อจีนอย่างชัดเจน แต่เตือนชาวแอฟริกันให้ระวังข้อผูกมัดต่าง ๆ ที่มักมาพร้อมกับข้อตกลงจากต่างชาติ อย่างไรก็ตาม จีนปฏิเสธข้อกล่าวหานี้