ซีอีโอ-คนดังในสหรัฐฯ ออกมาส่งสารถึงเหตุรุนแรงในชาร์ล็อตวิลล์ก่อนบานปลาย

การเดินขบวนคัดค้านการรื้ออนุสาวรีย์นายพล โรเบิร์ต อี. ลีย์ ผู้บัญชาการกองทัพสมาพันธรัฐในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกาของมวลชนฝ่ายขวาจัดเชิดชูผิวขาวในเมืองชาร์ล็อตวิลล์ มลรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐฯเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาจนกลายเป็นความรุนแรงระหว่างกลุ่มขวาจัดที่ต่อต้านคนผิวสี-ต่างชาติที่ไม่ใช่อเมริกันแท้ กับ มวลชนที่สนับสนุนความหลากหลายทางเชื้อชาติ เกิดการปะทะจนทำให้ หญิงสาววัย 32 ปี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เสียชีวิต รวมถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน เปลี่ยนเมืองอันสงบสุขให้กลายเป็นสมรภูมิของความขัดแย้งทางเชื้อชาติอีกแห่ง

เหตุการณ์นี้ ส่งผลสะเทือนลุกลามไปหลายจุด และกระทบถึงทำเนียบขาวที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ได้รับความนิยมในมวลชนฝ่ายขวา ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15 สิงหาคม) กลับมาแสดงท่าทีว่าเป็นความผิดของทั้งสองฝ่ายที่ทำให้เกิดความรุนแรง อีกทั้งยังกล่าวว่า ไม่ใช่ฝ่ายขวาทุกคนที่เป็นคนเลวร้าย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถูกกดดันหนักจนต้องออกมากล่าวว่า เป็นความผิดของกลุ่มคลู คลักซ์ แคลนและนีโอนาซีที่ถือคบเพลิงเดินขบวนทั่วชาร์ล็อตวิลล์

ท่าทีดังกล่าวของทรัมป์ ส่งผลทำให้มีบุคคลสำคัญแสดงความเห็นต่อเหตุรุนแรงนี้เสมือนตอบโต้คำพูดของทรัมป์ อย่างนายไมค์ ซิกเนอร์ นายกเทศมนตรีเมืองชาร์ล็อตวิลล์กล่าวหลังนายทรัมป์แสดงจุดยืนพร้อมกับถามว่าเกิดอะไรขึ้นว่า ตนไม่อยากอธิบายอะไรกับสิ่งที่นายทรัมป์ถามแล้ว เราโศกเศร้าอย่างมาก มีงานมากมายต้องทำให้กับเมืองหรือประเทศนี้ แต่เขา(โดนัลด์ ทรัมป์) ควรส่องกระจกดูด้วย หมายถึงเขาได้เลือกแบบนี้แล้วตอนหาเสียงประธานาธิบดี คนรอบข้างตัวเขาพาเขาลงคู เล่นกับอดติที่เลวร้ายที่สุดของเรา ผมคิดว่าเรากำลังเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเกิดจากสิ่งที่นายทรัมป์เลือก เขามีโอกาส เช่นเดียวกับที่เราทำทั้งหมดอยู่ เพื่อการเริ่มต้นที่สดใส

แต่ฮือฮาที่สุดเห็นจะเป็น ทวิตเตอร์ของ บารัค โอบาม่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้ทวิตข้อความโดยยกวาทะของนายเนลสัน แมนดาล่า อดีตนักโทษทางการเมือง นักต่อสู้ต่อต้านการเหยียดผิวและอดีตประธานาธิบดีคนแรกของแอฟริกาใต้ว่า “ไม่มีใครเกิดมาเพื่อเกลียดคนอื่นเพียงเพราะสีผิวหรือชาติกำเนิดหรือศาสนาของเขา เราต้องเรียนรู้ที่จะเกลียด และหากพวกเขาสามารถเรียนรู้ที่จะเกลียด พวกเขาสามารถถูกสอนให้รักได้ เพราะความรักซึมซับเข้าสู่หัวใจมนุษย์ได้เป็นธรรมชาติกว่าสิ่งตรงกันข้าม” และมีคนรีทวิตกว่า 1.5 ล้านครั้ง จนกลายเป็นทวิตที่มีการรีทวิตมากที่สุดในตั้งแต่การก่อตั้งทวิตเตอร์ก็ว่าได้

 

ด้านนายมาร์ค ซัคเคอเบิร์ก ซีอีโอของโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่างเฟซบุ๊ก ก็ได้โพสต์ข้อความเมื่อช่วงกลางดึกของวันนี้ตามเวลาประเทศไทยว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเกลียดกัน เราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความคิดสุดโต่ง เราอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกเรื่อง แต่เราทุกคนมีความรับผิดชอบที่จะทำในสิ่งที่เราพอทำได้ ผมเชื่อว่าเราสามารถทำบางสิ่งจนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของเราที่สอนให้ผู้คนเกลียดกัน

มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เฟซบุ๊กคือพื้นที่ที่ผู้คนที่มีความคิดที่แตกต่างสามารถแบ่งปันความคิดกันได้ ถกเถียงเรื่องบางเรื่อง แต่เมื่อบางคนกลับพยายามให้คนอื่นเงิียบหรือโจมตีพวกเขาเพียงแค่ว่าพวกเขาเป็นใครหรือมีความเชื่ออะไร ซึ่งทำเราทุกคนเจ็บปวดและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

เฟซบุ๊กไม่ใช่ที่สำหรับความเกลียดชังในชุมชนแห่งนี้…

นายซัคเคอเบิร์กกล่าวอีกว่า มีสิ่งที่ยากลำบากเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ตนรู้จากเรามากมายที่ถามว่าความเกลียดชังเหล่านี้มาจากไหน ในฐานะที่เป็นยิวด้วย มันเป็นสิ่งที่ตัวเองสงสัยมาทั้งชีวิตของผม มันน่าอายที่เรายังคงต้องพูดว่า พวกนีโอนาซีและกลุ่มเชิดชูคนขาวนั้นผิด ราวกับนี่คือบางสิ่งที่ยังไม่ชัดเจน ความผิดของผมอยู่ข้างเหยื่อของความเกลียดชังทั่วโลกและทุกคนที่กล้าจะยืนหยัดเพื่อสิ่งนั้นในทุกๆวัน

https://www.facebook.com/zuck/posts/10103969849282011

 

ขณะที่ ซีอีโอของแอปเปิลอย่าง ทิม คุก เขียนอีเมล์ถึงพนักงานบริษัททุกคนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมชี้ว่า ความเกลียดชังนั้นเหมือนมะเร็งร้าย โดยเนื้อหาระบุว่า ความเสมอภาคคือส่วนสำคัญของคุณค่าและความเชื่อของผม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายวันก่อน รบกวนจิตใจผมอย่างมาก ผมได้ยินจากพนักงานหลายคนที่ทั้งโศกเศร้า เกรี้ยวกราดและสับสน

สิ่งที่เกิดขึ้นในชาร์ล็อตวิลล์ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศของเรา ความเกลียดชังนั้นเหมือนมะเร็งร้ายและทิ้งสิ่งที่ไม่อาจควบคุมทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางมัน สร้างรอยแผลให้กับคนรุ่นหลัง ประวัติศาสตร์จะสอนครั้งนี้และอีกครั้ง ทั้งในสหรัฐฯและหลายประเทศทั่วโลก

นายทิมระบุอีกว่า ไม่ว่าคุณจะมีความคิดทางการเมืองอะไร เราต้องยืนหยัดร่วมในจุดนี้ ที่ว่าเราทุกคนเท่าเทียมกัน ในฐานะบริษัท ผ่านการกระทำของเรา ผลิตภัณฑ์ของเราและเสียงของเรา เราจะยังคงทำงานต่อเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมและด้วยความเคารพ

Team,

Like so many of you, equality is at the core of my beliefs and values. The events of the past several days have been deeply troubling for me, and I’ve heard from many people at Apple who are saddened, outraged or confused.

What occurred in Charlottesville has no place in our country. Hate is a cancer, and left unchecked it destroys everything in its path. Its scars last generations. History has taught us this time and time again, both in the United States and countries around the world.

We must not witness or permit such hate and bigotry in our country, and we must be unequivocal about it. This is not about the left or the right, conservative or liberal. It is about human decency and morality. I disagree with the president and others who believe that there is a moral equivalence between white supremacists and Nazis, and those who oppose them by standing up for human rights. Equating the two runs counter to our ideals as Americans.

Regardless of your political views, we must all stand together on this one point — that we are all equal. As a company, through our actions, our products and our voice, we will always work to ensure that everyone is treated equally and with respect.

I believe Apple has led by example, and we’re going to keep doing that. We have always welcomed people from every walk of life to our stores around the world and showed them that Apple is inclusive of everyone. We empower people to share their views and express themselves through our products.

In the wake of the tragic and repulsive events in Charlottesville, we are stepping up to help organizations who work to rid our country of hate. Apple will be making contributions of $1 million each to the Southern Poverty Law Center and the Anti-Defamation League. We will also match two-for-one our employees’ donations to these and several other human rights groups, between now and September 30.

In the coming days, iTunes will offer users an easy way to join us in directly supporting the work of the SPLC.

Dr. Martin Luther King said, “Our lives begin to end the day we become silent about the things that matter.” So, we will continue to speak up. These have been dark days, but I remain as optimistic as ever that the future is bright. Apple can and will play an important role in bringing about positive change.

 

ที่มา : Business Insider