เผยแพร่ |
---|
วันที่ 25 ต.ค. เอเอฟพี รายงานว่า ศาลนครมิวนิก ประเทศเยอรมนี พิพากษาจำคุก 10 ปี นางเจนนิเฟอร์ เวนิช อายุ 30 ปี สัญชาติเยอรมัน ซึ่งเดินทางไปเข้าร่วมกับกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส และปล่อยให้เด็กหญิงชาวยาซิดีเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา
การตัดสินดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของโลกที่อาชญากรรมของไอเอสต่อชาวยาซิดี ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยพูดภาษาชาวเคิร์ดอาศัยอยู่ในภาคเหนือของประเทศอิรักได้รับการพิพากษาโทษ
ฝ่ายอัยการผู้รับผิดชอบคดี ระบุว่า นางเวนิช และสามีซึ่งเป็นนักรบไอเอส ซื้อหญิงชาวยาซิดีมาพร้อมลูกสาวเพื่อใช้เป็นทาสแรงงาน โดยทั้งคู่กักขังแม่ลูกคู่นี้ไว้ระหว่างที่ไอเอสครอบครองพื้นที่เมืองโมซุลทางเหนือของอิรัก เมื่อปี 2558
อัยการ ระบุว่า เมื่อเด็กหญิงล้มป่วยลงและปัสสาวะเลอะที่นอนทำให้สามีของนางเวนิชนำตัวเด็กหญิงไปล่ามโซ่ไว้กลางแจ้งเพื่อลงโทษ และปล่อยให้เด็กตากแดดจนขายใจตายจากภาวะช็อกเพราะขาดน้ำท่ามกลางอุณหภูมิร้อนระอุ นางเวนิชปล่อยให้สามีก่อเหตุและไม่ช่วยเหลือเด็ก
ด้านสามีของนางเวนิช ชื่อ นายทาฮา อัล-จูไมลี อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีที่นครแฟรงเฟิร์ต ศาลมีกำหนดอ่านคำพิพากษาในเดือนพ.ย.นี้ ขณะที่แม่ของเด็กที่เสียชีวิต ทราบชื่อเพียงว่า โนร่า คอยเดินทางไปเป็นพยานทั้งในศาลที่มิวนิกและแฟรงเฟิร์ต
อย่างไรก็ดี ทนายความของนางเวนิช โต้แย้งว่า คำให้การของนางโนร่านั้นเชื่อถือได้ยาก เพราะไม่มีหลักฐานว่าเด็กเสียชีวิตจริงหรือไม่ และขอให้ศาลพิจารณาลงโทษเฉพาะที่นางเวนิชเดินทางไปร่วมกับไอเอส ซึ่งจะเหลือเพียงโทษจำคุก 2 ปี
นางเวนิชระบุว่า สาเหตุที่ตนไม่ได้ช่วยเหลือเด็ก เพราะเกรงกลัวว่าจะถูกสามีทำร้ายและนำไปตัวไปขัง และว่าตนรู้สึกเหมือนต้องมาเป็นแพะรับบาปแทนทุกๆ อาชญากรรมที่ไอเอสเคยก่อไว้
รายงานระบุว่า นางเวนิช เปลี่ยนศาสนา เมื่อปี 2556 และเดินทางไปยังตุรกีแล้วข้าสมพรมแดนไปเข้าร่วมกับไอเอสในซีเรียและอิรักในปีถัดมา กระทั่งได้รับเลือกเป็นหน่วยบังคับวินัยของไอเอสในปี 2558 มีหน้าที่คอยลาดตระเวนเมืองฟัลลูจาห์ และโมซุล
นางเวนิช มีอาวุธเป็นปืนเอเค-47 ปืนพก และระเบิดพลีชีพ มีหน้าที่สอดส่องและบังคับให้ทุกคนทำตามข้อบังคับของไอเอส เช่น การแต่งกาย ไปจนถึงการห้ามสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มมึนเมา
ต่อมาในปี 2559 นางเวนิชเดินทางกลับมาที่กรุงอังการา ประเทศตุรกี เพื่อทำธุระที่สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี โดยขอยื่นเรื่องปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์ แต่ถูกตำรวจเข้าจับกุมหลังเดินทางออกจาสถานทูตและส่งตัวกลับเยอรมนี
กระบวนการดำเนินคดีต่อนางเวนิชซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนเม.ย. 2562 นับเป็นตัวอย่างกระบวนการยุติธรรมครั้งแรกในโลกต่ออาชญากรรมของไอเอสที่กระทำต่อชาวยาซิดี นับตั้งแต่ชาวพื้นเมืองยาซิดีถูกนักรบไอเอสเข้ากดขี่ย่ำยีอย่างจำเพาะเจาะจงตั้งแต่ปี 2558
คดีดังกล่าวของแม่และเด็กหญิงชาวยาซิดีนั้นมี นางอามัล คลูนีย์ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นหัวหน้าทีม และเป็นทีมที่เรียกร้องให้อาชญากรรมของไอเอสต่อชาวยาซิดีนั้นเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ทั้งนี้ ศาลเยอรมันเคยพิพากษาโทษบุคคลที่เป็นชาวเยอรมันและชาวต่างชาติเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติมาอย่างต่อเนื่อง โดยถือหลัก “เขตอำนาจตามหลักสากล” ซึ่งกำหนดให้ทุกประเทศมีเขตอำนาจเหนือการกระทำอาชญากรรมบางอย่างที่เป็นอาชญากรรมต่อประชาคมระหว่างประเทศทั้งมวล