ซีไอเอตั้งชุดเฉพาะกิจต้านจีน ชี้ภัยคุกคามเพิ่มต่อเนื่อง

ซีไอเอตั้งชุดเฉพาะกิจต้านจีน ชี้ภัยคุกคามเพิ่มต่อเนื่อง

วันที่ 7 ต.ค. เอพีรายงานว่า สำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐอเมริกา หรือซีไอเอ ประกาศตั้งคณะทำงานชุดเฉพาะกิจเพื่อต่อต้านการแผ่อิทธิพลของทางการจีน ท่ามกลางเสียงเตือนจากหลายฝ่ายให้สหรัฐฯ และจีนหลีกเลี่ยงสงครามเย็นรอบใหม่

คณะทำงานดังกล่าวของซีไอเอจะประกอบด้วยศูนยปฏิบัติการเพียงไม่กี่สิบแห่ง ที่จะประชุมหารือกันถึงความเคลื่อนไหวของจีนกันแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์เพื่อประเมินและปรับยุทธศาสตร์รับมือการแผ่อำนาจของรัฐบาลจีน

ซีไอเอยังระบุว่าจะยกระดับการรับสมัครบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาจีนและจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการใหม่ที่จะคอยจับตาจีนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ รวมถึงปัญหาระดับโลกอย่างสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และภัยทางด้านสุขภาพ

ความเคลื่อนไหวของซีไอเอเกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวยืนยันในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ครั้งที่ผ่านมาว่าไม่มีเจตนาจะก่อสงครามเย็น กล่าวโจมตีจีนว่ามีพฤติกรรมคุกคามทั้งด้านความมั่นและเศรษฐกิจ

ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ เกิดขึ้นพร้อมกับความพยายามของทั้งสองชาติในการแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่างเพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโลกร้อน และวิกฤตนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ขณะที่หน่วยงานระดับสูงของสหรัฐฯ ก็มีท่าทีปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์มาเป็นการแข่งขันกับจีน แต่ยังคงเป้าหมายการต่อต้านการก่อการร้ายไว้

รายงานระบุว่า จีนนั้นนับเป็นอุปสรรคใหญ่ในการทำงานของซีไอเอ เนื่องจากเป็นชาติที่มีผู้นำแวดล้อมภายใต้การอารักขาที่รัดกุม มีกองทัพขนาดใหญ่ และหน่วยงานด้านความมั่นคงที่แข็งแกร่งมาก ทั้งยังมีเทคโนโลยีที่เหนือชั้น และแสนยานุภาพหลากหลายมิติ

นายวิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการซีไอเอ กล่าวว่า จีนเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในศตวรรษที่ 21 แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าสหรัฐฯ จะเผชิญกับความท้าทายเพียงใด ซีไอเอก็จะพยายามทำงานอย่างสุดความสามารถจนทุกอย่างลุล่วง

“เช่นเดียวกันกับจีน ที่เป็นการทดสอบรับมือภัยคุกคามที่ยากเย็นที่สุดเท่าที่สหรัฐฯ เคยเจอมา ทางซีไอเอก็จะเป็นหัวหอกสำคัญในการจัดการกับภารกิจนี้ด้วย” เบิร์นส์ ระบุ

ซีไอเอาซึ่งอยู่ในช่วงของการปฏิรูปและปรับเปลี่ยนองค์กรจะยุบรวมศูนย์ภารกิจอิหร่านและเกาหลีเหนือ ที่ตั้งขึ้นในช่วงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นศูนย์เดียวกัน

นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดการขั้นตอนการรับสมัครเจ้าหน้าที่ซีไอเอใหม่ให้รวบรัดและแต่รัดกุม โดยลดเวลาการตรวจสอบประวัติลงเหลือไม่เกิน 6 เดือนต่อคน นอกจากนี้ จะตั้งหัวหน้าฝ่ายงานเทคโนโลยีขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านไซเบอร์

ที่ผ่านมา ทางการสหรัฐฯ มักกล่าวหาทางการจีนว่าไม่ให้ความร่วมมือในการค้นหาต้นตอของโรคระบาดอย่างโควิด-19 และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ต่อสหรัฐฯ ส่งผลให้ทางการจีนตอบโต้ว่า สหรัฐฯ พยายามใส่ร้ายจีน

ทั้งชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของซีไอเอเองในการป้องกัน พร้อมยังย้ำแผลสดด้วยการยกตัวอย่าง เช่น การถอนกำลังของกองทัพสหรัฐฯ จากอัฟกานิสถาน ที่ทำให้กลุ่มก่อการร้ายตาลิบันหวนคืนสู่อำนาจ ทั้งที่ถูกโค่นล้มไปเมื่อ 20 ปีก่อน

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ และจีนยังได้รับผลกระทบจากการที่จีนส่งฝูงบินรบขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาฝ่าเข้าไปในเขตน่านฟ้าแสดงตนของไต้หวันหลายครั้ง โดยผู้นำของทั้งสองชาติมีกำหนดจะหารือกันทางประชุมออนไลน์ในช่วงปลายปีนี้ด้วย

ขณะที่สหรัฐฯ เองก็ตกอยู่ในภาวะเพลี่ยงพล้ำหลังตาลิบันกลับขึ้นมามีอำนาจในอัฟกานิสถาน โดยข่าวกรองของสหรัฐฯ ประเมินว่า อัฟกานิสถานจะกลับมาเป็นแหล่งกบดานของเหล่ากลุ่มก่อการร้ายอย่างอัล ไคด้า ที่จะมีแสนยานุภาพในการโจมตีสหรัฐฯ ได้ภายใน 2 ปีด้วย