“ต้องฆ่าให้ตาย ถ้าไม่ตายก็จะปฏิวัติ” ทักษิณ ย้อนเล่า รปห. 49 เผยเหตุที่ไม่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

โทนี ย้อนเล่ารปห. 49 เผยสนธิยอมรับ ถ้าอยู่ไทยไม่กล้าทำ เชื่อจ้องปฏิวัติซ้ำ กะเอาให้จบ
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 14 กันยายน โทนี วู้ดซัม หรือนายทักษิณ ชินวัตร ได้ร่วมเสวนาในคลับเฮาส์ CARE Talk x CARE ClubHouse ในตอน “อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของการเมืองไทย : แล้วอนาคตของเยาวชนไทยจะเป็นอย่างไร”

โทนี ได้เล่าย้อนถึงเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน โดยระบุว่า แม้จะมีความนิยมดี แต่ก็ทานไม่อยู่ จนสุดท้ายก่อนปฏิวัติ วันนั้นแทบจะทำอะไรไม่ได้ เป็นนายกฯที่มีเสียงในสภาเยอะ พอได้ 377 เสียง กลายเป็นปัญหา มีคนไปปล่อยข่าวสารพัดเรื่อง ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกันเลย ก่อนหน้าจะเดินทางไปต่างประเทศ ก็มีการพยายามลอบฆ่าผมหลายรอบ ก็มารู้ทีหลังว่า มีการให้การว่า “ต้องฆ่าให้ตาย ถ้าไม่ตายก็จะปฏิวัติ”

โทนี เล่าต่อว่า ผมก็ซื่อบื้ออีก คือ ผมรักงาน มีคนบอกผมและคุณหญิง ว่า ผมทำงานหนักแล้วนะ ให้ไปเมืองนอกหลายวันหน่อย ไปพัก ตอนนั้นจะเดินทางวันที่ 9 ก็ไปแวะทาจิกิสถาน และบินต่อไปฟินแลนด์ รุ่งขึ้นประชุม ASEM ประชุมอยู่ 2 วัน และ ประชุม NAM SUMMIT ที่คิวบา แล้วก็ประชุมยูเอ็น ที่นิวยอร์ก มีช่วงว่างอยู่ 4-5 วัน ปกติผมจะกลับบ้านแล้วค่อยไปใหม่ แต่เพราะมีคนมาขอร้อง ผมก็เลยไปเลย ไม่ได้กลับ

“ก่อนไป ผมก็เขียนประกาศสภาวะฉุกเฉินไว้ เซ็นไว้แล้ว ทิ้งไว้ที่หมอพรหมมินทร์ เลขาฯ และ ให้รองชิดชัย ผมดูประชุมครม.ก็เห็นท่าไม่ดี จะสั่งให้ประกาศสภาวะฉุกเฉิน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถูกพาไปซ่อนที่ไหนไม่รู้ สองคนนั้นไม่กล้าตัดสินใจ เลยประกาศไปได้แค่ครึ่งเดียว มิ่งขวัญถูกจี้ เขาปิดทีวี ไม่ได้อ่าน เลยประกาศไม่ทัน”

เผย สนธิ บอก ทักษิณอยู่ไทยไม่กล้าปฏิวัติ
โทนี กล่าวต่อว่า หลังจากปฏิวัติ จึงทำให้ขาดการสั่งการ เครื่องบินก็กลับไม่ได้ ถ้ากลับมาได้ก็สนุกแน่ แต่เครื่องบินการบินไทยไม่ให้ขึ้น ซึ่งครั้งนั้นถ้าประกาศได้ ผมก็กลับมาเลย ผมเคยถามสนธิเล่นๆ ว่า ถ้าผมอยู่ท่านกล้าปฏิวัติไหม ท่านไม่กล้า ท่านรู้ผมเป็นคนกล้า command ผมเป็นคนที่ ไม่ใช่คนบ้าระห่ำแต่ไม่เคยกลัวตาย ผมเอาตัวเองไปเสี่ยงทุกเรื่อง กินไก่ ไปตรวจซาร์สไม่ใส่หน้ากาก ไปค่ายเสธ.แดงที่ใต้ ผมมีสติแต่ไม่กลัวตาย

“สิ่งที่ปฏิวัติครั้งนี้ ที่เสียใจที่สุด และเสียหายที่สุด คือ รธน.ฉบับที่ดีที่สุด ถูกฉีกไป รธน.ฉบับ 40 ให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย มองคนไทยเป็นคน ทำให้ผู้นำต้องดูแลประชาชน ทำให้ระบบการเมือง เป็นระบบที่ไม่มีการต่อรอง มีการต่อรองเมื่อไหร่ก็แจกกล้วย แล้วกล้วยมาจากไหนถ้าไม่โกง”

โทนี ยังได้เปิดเผยว่า ขณะอยู่ที่นิวยอร์กนั้น ได้พบปะกับหลายคน อาทิ ลูกๆของทรัมป์ ทั้ง โดนัลด์ อิวังกา และอิริก ที่สนใจจะมาลงทุนในไทย หลังจากนั้นไปอยู่ลอนดอน ก็ได้ซื้อทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่อยู่ได้ปีเดียว เพราะโดนอายัดเงินที่ไทย เลยไม่มีเงินซื้อตัวนักเตะ พอมีคนมาขอซื้อได้ราคา ก็เลยขาย เอาเงินไปลงทุนต่อ

เหตุไม่เลือกตั้ง ‘รัฐบาลพลัดถิ่น’
ช่วงตอนหนึ่ง ได้มีคนสอบถามถึงเหตุผล ที่ไม่เลือกตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น โดย โทนี กล่าวว่า สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน สมมติว่า ประเทศเอ รับผม ผมไปประเทศเอ ก็ไปในฐานะนายกฯ แต่ประเทศบี ไม่รับรอง ผมก็ไปไม่ได้ เพราะเขารับรองรัฐบาลทหาร ถ้าจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ต้องดูว่า มหาอำนาจ 5 ประเทศรับรองไหม แต่เราออกมาตัวคนเดียว เขาไม่ได้ประโยชน์อะไรกับเรา ก็ต้องคงสถานะประเทศไว้ก่อน เพราะเขาจะค้าขาย ผมอยู่กับที่ไม่ได้ ชอบเดินทาง ต้องการพบคนใหม่ๆ จะมีประเทศที่มีรับรองไม่กี่ประเทศ ไม่เอา ประเทศเพื่อนบ้าน ก็รับรองผมไม่ได้ และไม่แนะนำให้รับรองด้วย เพราะจะเสียผลประโยชน์เขา ผมไม่แนะนำ

เผยคิดว่าน่าจะคุมอยู่
ผู้ร่วมเสวนารายหนึ่ง ได้เข้ามาสอบถามว่าในช่วงปฏิวัตินั้น ยังคิดจะสู้อยู่หรือไม่ เหตุใดจึงไม่ย้ายผู้บัญชาการทหาร แล้วจุดไหนที่คิดว่า เป็นจุดจบแล้ว โทนี กล่าวว่า จริงๆ ก็มีเพื่อนรุ่นเดียวกัน คุมกำลังอยู่หลายจุด แต่รุ่นผมยังโตไม่ทัน บังเอิญว่า พล.อ.เรืองโรจน์ เป็น ผบ.สูงสุด เราคิดว่าน่าจะคอมมานด์คนที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาได้ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น การย้ายทหารระดับนายพล ต้องเสนอโปรดเกล้าฯ ย้ายฉุกเฉินนั้น ไม่มีอำนาจตามสำนักนายกฯ นอกจากข้าราชการพลเรือน

“เราคิดว่าน่าจะคุมอยู่ น่าจะกลับทัน แต่มันมีเหตุฉุกเฉิน รมว.กลาโหม ไปไหนไม่รู้ เขาเลยไม่กล้าตัดสินใจ ถ้าตัดสินใจเร็วกว่านั้น ผมคงบินกลับแล้ว แต่ไม่เป็นไร จะได้ไม่ต้องปะทะกัน เสียเลือดเสียเนื้อ”

ทั้งยังกล่าวว่า ทหารต้องยอมรับความเป็นประชาธิปไตย ไม่งั้นประเทศไปไม่ได้จริงๆ ผมเชื่อว่า วันนี้ ทหารหลายคน ไม่ได้แฮปปี้ กับหัวหน้าคณะปฏิวัติคนนี้ เขาก็รักบ้านเมือง เขาเห็นแบบนี้ก็ไม่ชอบหรอก ผมเห็นไลน์กลุ่มทหาร บางแห่งก็ด่าแหลกเหมือนกัน