นักวิชาการย้อน 1 ปี ‘ม็อบปลดแอก’ 18 ก.ค. ชี้ชุมนุมใหญ่บ่ายนี้ ประกาศไม่จำนนชะตากรรม

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม สืบเนื่องกรณีการนัดหมายชุมนุมใหญ่วันนี้ของกลุ่มต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 15 กลุ่ม เพื่อขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น  รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ และเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง หรือ คนส. เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว โดยย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 1 ปีก่อน คือวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ซึ่งมีการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมทั้งมองถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ว่า ไม่ว่าจะมีผู้เข้าร่วมจำนวนเท่าใด และก่อให้เกิดกระแสได้มากน้อยเพียงใด ก็สะท้อนให้เห็นถึงการไม่ยอมจำนนต่อชะตากรรมของประเทศ

ความว่า
“วันที่ 18 กรกฎาคม 2563 มีการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการชุมนุมที่มีผู้เข้าร่วมมากสุดหลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 หากแต่ยังเป็นการ ‘ลงถนน’ ครั้งแรกของการชุมนุมของนักเรียนนิสิตนักศึกษาที่ก่อตัวขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ รวมถึงมีการขมวดข้อเรียกร้องที่กระจัดกระจายอยู่ในช่วงก่อนหน้าให้เป็น 3 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเป็นเสมือนต้นธารให้กับการชุมนุมที่ขยายตัวอย่างกว้างขวาง ประมาณการว่าต้ังแต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2563 มีการจัดการชุมนุมทางการเมือง 385 ครั้งใน 62 จังหวัด โดยกลุ่มต่างๆ จำนวน 112 กลุ่ม ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
.
เหตุการณ์ผ่านมา 1 ปี การเคลื่อนไหวคลี่คลายตัวไปค่อนข้างมาก ทั้งในส่วนผู้เข้าร่วมและประเด็นเคลื่อนไหว และวันนี้จะมีการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอีกครั้ง ภายใต้ข้อเรียกร้องที่ยึดโยงกับวิกฤตด้านสุขภาพของประชาชนและความไร้ประสิทธิภาพและไม่โปร่งใสในการรับมือกับวิกฤตของรัฐบาล
ไม่ว่าการชุมนุมวันที่ 18 กรกฎาคมปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมเท่าใด จะสามารถก่อให้เกิดกระแสหรือแรงกระเพื่อมได้เหมือนกับการชุมนุมวันที่ 18 กรกฎาคมปีที่แล้วหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็แสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมจำนนต่อชะตากรรมของคนในประเทศนี้ที่จะถูกกำหนดโดยผู้ปกครองแต่ฝ่ายเดียว”