“พิธา” เผยผลร้องวัคซีนmRNAขั้นแรก สัญญาณดี! แต่ยังไม่จบ ย้ำขั้นตอนโปร่งใส-ชัดเจนสำคัญ

วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงลำดับความคืบหน้าในการเรียกร้องวัคซีนmRNA ในการรับมือการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งมีเพียงวัคซีนแบบmRNA อย่างไฟเซอร์และโมเดอร์น่าสามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวได้ดีกว่าวัคซีนหลักที่ไทยใช้อยู่ว่า

สัญญาณดีขั้นแรกของการเรียกร้องวัคซีน mRNA แต่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

ตลอด 7 เดือนที่พวกเราเรียกร้องกันมา ถึง ยุทธศาสตร์วัคซีนของประเทศที่ “สมดุล” และ “กระจายความเสี่ยง” (balanced and diversified) ไม่ “แทงม้าตัวเดียว” หรือ “ใส่ไข่ในตะกร้าใบเดียว”

ในที่สุด ก็เริ่มมีสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับวัคซีน mRNA ใน 2 เรื่องครับ

.
1. มติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้มีการซื้อวัคซีน Pfizer 20 ล้านโดส ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
.
2. การได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐสหรัฐอเมริกา ที่จะช่วยเหลือไปทั่วโลกกว่า 80 ล้านโดส ในจำนวนนั้นจะถูกส่งมาที่ภูมิภาคเอเชียใน phase แรกประมาณ 7 ล้านโดส ซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ไทยเราก็จะเป็นหนึ่งในชาติที่ได้รับการช่วยเหลือ
.
อย่างไรก็ตาม นี้เป็นเพียงก้าวแรก ที่พวกเราจะต้องทำงานต่อ ทั้งในมิติของ เวลา จำนวน และ คุณภาพ ของการบริหารจัดการวัคซีน
.
คำถามที่เราต้องช่วยกันตอบ ก็คือ
.
1) เวลา – วัคซีนที่ว่าจะมานั้น มาทันเวลาก่อนระบบสาธารณสุขจะถูกกดดันมากกว่านี้หรือไหม?
.
2) จำนวน – เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เพียงพอต่อการต่อสู้กับสายพันธ์ใหม่ พร้อมจะเปิดประเทศ เปิดเศรษฐกิจจริงหรือไหม?
.
3) คุณภาพ – เรามีโครงสร้างพื้นฐาน ในการรองรับ การคงคลัง การกระจายวัคซีน การลำเลียงวัคซีนชนิด mRNA (ไม่ว่าประชาชนจะอยู่ที่ไหน ต้องขึ้นเขาลงห้วยเพื่อไปให้ถึง) ที่อาจจะต้องใช้อุณหภูมิต่ำ -70 องศาบ้างเป็นบางช่วง หรือไหม?
.
ในส่วนของวัคซีนที่เราจะได้รับการบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ข้อมูลที่เรารู้ จากแหล่งข้อมูลเดียวที่เชื่อถือได้คือ Fact sheet จาก breifing room ของ Whitehouse Press Team
ซึ่งกล่าวไว้ว่า แผนภาพรวมของ Global Vaccine Sharing ของประธานาธิบดี ไบเดน คือ การบริจาค วัคซีน 80 ล้านโดสทั้วโลก
.
แผนใน phase ที่หนึ่งคือ จะส่ง 25 ล้านโดสทั่วโลก จะมายังเอเชียประมาณ 7 ล้านโดส ซึ่งแน่ชัดว่ารวมประเทศไทยด้วย
.
แต่สิ่งที่เรายังไม่ได้รับการยืนยันก็คือ
.
1. จำนวนที่แต่ละประเทศ รวมถึงจำนวนที่ประเทศไทยจะได้รับทั้งหมด รวมถึงที่จะได้รับในแผน phase 1 ว่ามีจำนวนเท่าไร
.
2. เวลาที่ประเทศไทยเราจะได้รับวัคซีน ว่าเราจะได้รับเมื่อใด
.
จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาลที่จะต้องทำหน้าที่ประสานงานผ่านกระทรวงต่างประเทศไปยังทำเนียบขาวและรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ในการยืนยันตัวเลขสำคัญเหล่านี้ เพื่อที่เราจะได้วางแผนในลำดับต่อไปได้อย่างเป็นระบบ
.
ในช่วงวิกฤตแบบนี้ ความสับสนอลหม่านย่อมเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้นความโปร่งใส ความชัดเจนของข้อมูลจึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างไรก็ตาม การรอให้รัฐบาลไทยเปิดรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก นั่นคือสาเหตุและเหตุผลที่ผมต้องติดตามข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต้นเรื่อง ซึ่งก็คือทีมสื่อสารของทำเนียบขาวเท่านั้น ซึ่งสามารถดูแถลงการณ์เพิ่มเติมของทำเนียบขาวได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
.