อ่านแถลงการณ์ ฉ.เต็ม นายกฯ ลั่น เปิดประเทศใน 120วัน ชี้ต.ค.จะฉีดเข็มแรก ครบ50ล้านคน

“บิ๊กตู่” แถลงการณ์ ลั่น “เปิดประเทศ ภายใน 120 วัน”

เมื่อเวลา 18.02 น. วันที่ 16 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่า การเดินหน้าแผนฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชนมีความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง วันนี้ ผมอยากจะอัพเดตให้ทุกท่านทราบ ถึงโรดแมปที่เรากำลังจะเดินหน้าต่อไป เพื่อเริ่มการพลิกฟื้นจากวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ในช่วง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมานี้ การที่ผม ในฐานะนายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการตรงได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยบูรณาการ การทำงาน และช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในการทำงานใหญ่ ที่มีหลายหน่วยงานมาเกี่ยวข้อง วันนี้ มีส่วนช่วยให้หน่วยงานและคณะกรรมการชุดต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างฉับไว และเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากยิ่งขึ้น ตลอดจนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งหมดเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด บนพื้นฐานการรับฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจากทุกกระทรวง หน่วยงาน และจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง วิธีการทำงานแบบนี้เป็นวิธีเดียวกับที่เราเคยใช้เมื่อตอนเริ่มต้น ที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปีก่อน

ด้วยวิธีการทำงานแบบนี้ ช่วยให้เราเดินหน้าตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยขจัดปัญหาบางอย่าง รวมทั้งทำให้มีความคืบหน้าในการเดินหน้าเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนรายใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี จนถึงปัจจุบัน เราอยู่ในระหว่างการทำงานกับผู้ผลิตวัคซีน จำนวน 6 รายแล้ว ได้แก่ ไฟเซอร์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, โมเดอร์นา รวมถึงแอสตร้าเซนเนก้า, ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม นอกจากนั้นในส่วนของการเดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม จนถึงตอนนี้ ยืนยันการจัดหา ลงนามในสัญญาจองหรือสัญญาซื้อไปแล้ว 105.5 ล้านโดส ทำได้เกินเป้าหมายที่เราตั้งไว้สำหรับปีนี้ โดยทั้งหมดจะทยอยส่งมอบเข้ามาภายในปีนี้ และจะทยอยฉีดต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พร้อมกันนี้ เราจะยังเดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอีกสำหรับปีหน้า การเดินหน้าตามแผนฉีดวัคซีนนี้ เราจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้โดยเฉลี่ยประมาณเดือนละกว่า 10 ล้านโดส หากวัคซีนส่งมาเพียงพอในแต่ละเดือนและประมาณต้นเดือนตุลาคม จะมีประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยเข็มแรกแล้ว จำนวน 50 ล้านคน

ตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมองไปในอนาคตที่ไกลขึ้น คือ การเปิดประเทศ และรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยอีกครั้ง นี่คือหนทางสำคัญหนทางหนึ่ง ที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ไม่สามารถทำมาหากินกันได้มาเป็นระยะเวลานาน

“วันนี้ ผมขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ผมตั้งเป้าเอาไว้ว่าประเทศไทยจะต้องเปิดประเทศทั้งประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน นับจากวันนี้ ส่วนเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆ หากพร้อมได้เร็วกว่าก็ควรทยอยเปิดให้ได้เร็วกว่านั้น นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสเรียบร้อยแล้ว ควรเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว และไม่ต้องมีเงื่อนไขข้อห้ามที่สร้างความยากลำบาก รวมทั้งคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ หากเป็นคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ก็ควรที่จะสามารถเดินทางกลับเข้าประเทศของตัวเองได้โดยไม่ต้องกักตัวเช่นเดียวกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนของสถานที่ทำงานและธุรกิจร้านค้าต่างๆ ควรต้องกลับมาเปิดทำการได้ การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ควรทำได้โดยไม่มีข้อห้ามหรือข้อบังคับแบบเหมารวมทั้งจังหวัด
ที่จะสร้างความยากลำบากอีก ยกเว้นหากมีสถานการณ์ร้ายแรงใหม่เกิดขึ้น หรือมีความจำเป็นจริงๆ ก็ให้พิจารณาเป็นกรณีไป

ขอให้ทุกหน่วยงานภาครัฐ ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เริ่มเตรียมการและเตรียมตัวทุกอย่างให้พร้อม เพื่อที่จะสามารถเปิดให้มีการทำมาหากินของประชาชนได้อีกครั้งตามกรอบเวลาที่ผมได้กล่าวไป ซึ่งนั่นหมายความว่าจะต้องดำเนินการเรื่องการฉีดวัคซีนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน เราจะเริ่มนำร่องที่จังหวัดภูเก็ต ที่เตรียมผ่อนคลายบางมาตรการ และเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาแบบ Sandbox ซึ่งได้เร่งรัดให้นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและอนุมัติในช่วงสัปดาห์หน้า เพื่อจะได้เดินหน้าทำให้เกิดขึ้นจริงตามแผน เป็นการเตรียมการเพื่อเปิดประเทศในระยะต่อไป ด้วยกรอบเวลานี้ คาดหวังว่าถึงตอนนั้น หลายประเทศคงจะเริ่มผ่อนคลายให้ประชาชนของเขาสามารถเดินทางออกมาท่องเที่ยวได้แล้ว และน่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากพอสมควรที่เลือกเดินทางมาประเทศไทย

“ผมรู้ดีว่าการตัดสินใจของผมวันนี้มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะเมื่อเราเปิดประเทศ ไม่ว่าเราจะเตรียมการป้องกันขนาดไหนก็ตาม ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อเราประเมินสถานการณ์และคิดถึงความอยู่รอดในการทำมาหากินของ พี่น้องประชาชน ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วครับที่เราจะต้องยอมรับความเสี่ยงร่วมกันบ้าง หากความเสี่ยงนั้น เราได้ประเมินอย่างรอบคอบแล้วว่าอยู่ในระดับที่พอจะรับได้ เราต้องจัดลำดับความสำคัญภายใน สำหรับประเทศไทยของเรา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ภารกิจหลักของผมในตอนนั้น คือ พยายามรักษาชีวิตของพี่น้องคนไทยไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตของผู้คนเป็นจำนวนมากๆ การปกป้องชีวิตของผู้คน ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การปกป้องชีวิตของคนที่ได้รับเชื้อเท่านั้น แต่เป็นการปกป้องทั้งครอบครัว ไม่ให้ครอบครัวจำนวนมากต้องเจอกับความสูญเสียที่หนักหนาสาหัส เสียเสาหลักของครอบครัว หรือสูญเสียคุณพ่อ-คุณแม่ เสียปู่ย่าตายาย ที่ดูแลลูกๆ หลานๆ ของเรา จนถึงวันนี้ เราทำสำเร็จ ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกจากนั้น อีกหนึ่งปัญหาที่เราหลีกเลี่ยงได้สำเร็จก็คือ หลีกเลี่ยงการทำลายระบบสาธารณสุขของเรา ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น คงจะส่งผลให้มีผู้เสียจากชีวิตจากโรคภัยอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย จากการที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือไม่มีแพทย์ ไม่มีพยาบาลมาดูแล เพราะทุกคนยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยโควิดกันหมด ขณะนี้ ภารกิจต่อไปของตนคือต้องทำให้ทุกคนสามารถกลับมาทำมาหากินกันได้ปกติอีกครั้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราได้เห็นกันแล้ว และต้องทำใจว่าทั่วโลกยังจะต้องอยู่กับไวรัสนี้ต่อไปอีก ซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถรอจนไวรัสนี้หมดไปจากโลก และเราก็ไม่สามารถรอจนทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสกันถ้วนหน้าก่อนแล้วจึงค่อยเปิดประเทศ สิ่งที่เราต้องทำก็คือเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้เหมือนกับโรคภัยอื่นๆ จัดการโควิดให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับออกมาทำมาหากินกันได้อีกครั้ง นี่คือนโยบายของตนและเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ดังนั้น เพื่อที่เราจะสามารถเดินหน้าไปสู่เป้าหมายการเปิดประเทศ ภายใน 120 วันให้ได้ ตนจะพยายามทำทุกทางเพื่อให้เราได้รับส่งมอบวัคซีนตามกำหนดการ แม้ในความเป็นจริง เราจะเห็นตัวอย่างได้จากในหลายประเทศว่าการส่งมอบวัคซีนจากผู้ผลิตรายต่างๆ อาจจะไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ทั้งเรื่องล่าช้า หรือไม่ครบจำนวนตามที่ตกลง แต่ประเทศไทยเราต้องบริหารจัดการตรงจุดนี้ให้ดี

ในระยะสั้น นโยบายสำคัญของตนคือ อย่างน้อยที่สุดประชาชนทุกคนควรต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะการได้รับวัคซีนแม้แค่เพียงเข็มแรก ก็สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตได้ในระดับที่มากพอสมควรแล้ว และในระยะยาว การจัดการกับโควิด-19 คือ การมีฐานการผลิตวัคซีนโควิด-19 ตั้งอยู่ในประเทศของเราเอง ซึ่งจะช่วยให้เราทุกคนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ในระยะยาวต่อไป ตราบเท่าที่เราต้องการ

วันนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุข ทั้งในสิงคโปร์และไต้หวัน ต่างก็ออกมาพูดว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของประเทศเขาในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด คือปัญหาที่เกิดจากการสั่งซื้อวัคซีนจากผู้ผลิตในต่างประเทศ ตอนนี้เขาคิดเหมือนประเทศไทย และเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าหนทางที่จะทำให้ประเทศของตัวเองเข้าถึงวัคซีนได้อย่างยั่งยืน คือ ต้องผลิตในประเทศ นี่คือสิ่งที่เค้ากำลังดำเนินการอยู่
และในที่สุดการมีโรงงานผลิตวัคซีนโควิด-19 อยู่ในประเทศไทย จะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในระยะยาว ซึ่งแนวทางนี้ เราได้เลือกมาตั้งแต่ต้น และถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ต้องขอขอบคุณผู้เชี่ยวชาญทุกท่าน ที่แนะนำให้เราเลือกเดินหน้าในแนวทางนี้ และขอขอบคุณทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร ที่ร่วมกันดำเนินการจนสำเร็จ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในการเดินหน้าต่อจากนี้เป็นต้นไป เราอาจจะต้องเจอกับความท้าทายครั้งใหม่ๆ และความท้าทายที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อเราเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ต้องขอชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขทุกท่าน อสม. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่แม้ว่าทุกท่านจะเหน็ดเหนื่อยกันมาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังนึกถึงว่า พี่น้องคนไทยยากลำบากกันมากขนาดไหน และเราล้วนต้องการร่วมมือกันทุกวิถีทาง เพื่อช่วยลดความเดือนร้อนในการทำมาหากินให้กับพี่น้องคนไทยด้วยกัน แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็เป็นหนทางที่จะดีสำหรับประเทศไทย การปูพรมฉีดวัคซีนทั่วประเทศให้ได้ครบตามเป้าหมายภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน เป็นภารกิจสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บางอย่างอาจจะไม่เป็นไปตามแผน หรือบางอย่างอาจจะต้องดัดแปลง ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และมีความไม่แน่นอน ขอให้ทุกคนเปิดใจว่าภารกิจใหญ่ขนาดนี้ ที่ต้องเร่งให้เร็วที่สุด และต้องเข้าถึงทุกคน
ทุกพื้นที่ ครอบคลุมทั้งประเทศ อาจจะมีความผิดพลาดหรือมีความไม่สะดวกอยู่บ้าง

“ขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรต่างๆ ที่เหนื่อยกันมากว่าปีครึ่งแล้ว และยังคงทำหน้าที่ต่อไปอย่างเต็มที่และเต็มใจ อย่างที่ทุกคนคงจะได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้วเมื่อไปรับการฉีดวัคซีนเจ้าหน้าที่และบุคลากรทุกคนไม่ใช่เพียงแค่มาทำหน้าที่ให้เสร็จๆ ไปเท่านั้น แต่เราสัมผัสได้ ทั้งจากท่าทาง คำพูด และการกระทำว่าทุกคนมาทำหน้าที่ด้วยหัวใจและด้วยความปรารถนาดี ที่ต้องการปกป้องชีวิตของพี่น้องคนไทยด้วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว