“ภราดร” ซัด “ประยุทธ์” สั่งการแก้ไขโควิด-19 ใกล้เป็นทหารเข้าทุกที

วันที่ 9 พฤษภาคม 2564 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวถึงภาพของการบัญชาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ของนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจในขณะนี้ เทียบเคียงกับทางการทหารแล้ว เสมือนตัวเองทำหน้าที่เป็นแม่ทัพแล้วไหลต่ำลงมาทำหน้าที่เป็นระดับผบ.ร้อยเองอีกด้วย คือเป็นผบ.สั่งการระดับนโยบายและลดตัวมาเป็นผบ.สั่งการปฏิบัติระดับพื้นที่ด้วย ยิ่งมาเจอการออกคำสั่งนายกฯแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการบูรณาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่มอบหมายให้เลขาสมช.เป็นประธาน ซึ่งที่เหมาะสมควรแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิทางการแพทย์สาธารณสุขเข้ามาทำหน้าที่ประธาน มันถึงจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม และกำชับให้คณะกรรมการด้านความมั่นคงที่มีอยู่แล้ว มาสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการชุดนี้ มันก็ตอบโจทย์แล้ว

การออกคำสั่งของนายกฯลักษณะที่ว่ามา มันจึงชี้ถึงความไร้ภาวะผู้นำและการไม่ให้เกียรติกับผู้ร่วมปฏิบัติงานอื่นมุ่งใช้แต่พวกพ้อง ส่วนประเด็นระบบการตีความกฎหมายของบ้านเรา เราได้ยึดหลักใช้ระบบประมวลกฎหมาย(Civil Law)คือจะตีความตามตัวอักษรควบคู่กับเจตนารมณ์หรือความมุ่งหมายของกฎหมาย หากตีความตามตัวอักษรแล้วต่างกับเจตนารมณ์ ต้องตีความตามเจตนารมณ์เป็นสำคัญ รัฐธรรมนูญกฎหมายสูงสุดได้บัญญัติเจตนารมณ์ไว้ชัดเจนว่า ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น รัฐมนตรีต้องมีคุณสมบัติของผู้ที่เจริญแล้ว

แต่ปัจจุบันได้เกิดเหตุข้อกังขาว่า มันมีมนต์ดำความไร้จริยธรรมของขบวนการยึดอำนาจ ถูกเป่าลงกระหม่อมของบางกลุ่มคนของขบวนการยุติธรรมอย่างได้ผลหรือปล่าว การวินิจฉัยตีความจึงไม่เที่ยงตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทำให้คนจำนวนร่วมล้านหดหู่ใจคิดจะย้ายออกจากประเทศนี้ แต่ขณะนี้พวกเขาได้กลับใจคิดใหม่แล้วว่า เมื่อสถานการณ์โควิดจางลง เขาจะรวมพลออกมาขับไล่นายกฯสืบทอดอำนาจต้นตอแห่งความวิบัติทั้งปวงให้ออกไป ซึ่งมันเป็นหนทางปฏิบัติที่ง่ายกว่าและโดนใจเต็มๆ