‘ณัฐวุฒิ’แจงไม่แทรกแซงแค่แสดงจุดยืน เชื่อจับขัง-ปราบปรามไม่มีทางจบ

‘ณัฐวุฒิ’ แจง ไม่แทรกแซง-นำม็อบ แค่แสดงจุดยืน เชื่อ จับขัง-ปราบปรามไม่มีทางจบ แนะ เมตตา-ปล่อยตัว หวังอยู่ร่วมได้ด้วยสันติ

วันที่ 11 เมษายน 2564 เมื่อเวลา 15.11 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ผ่านทางเฟซบุ๊ก “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” โดยระบุว่า

เพื่อนมิตรรวมถึงสื่อมวลชนอยากให้ขยายความจากงานเมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) ว่าจะอย่างไรต่อไป
รับหลายสายถ้าอธิบายทีละคนคงยาว ขอใช้พื้นที่ตรงนี้สื่อสารนะครับ

ผมไม่ได้ชูธงสงคราม แต่ผมถามหาสันติภาพ ไม่มีแนวคิดเคลื่อนขบวนชุมนุมใหญ่หรือเข้าไปแทรกแซงก้าวก่ายการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว ทุกอย่างเป็นวาระของพวกเขา เพียงแต่เห็นว่าควรแสดงจุดยืนเคียงข้างเป็นพลังประคับประคองไม่ให้อนาคตของชาติถูกกระทำหรือบอบช้ำไปกว่านี้

ผมเรียกร้องให้คนรุ่นเราร่วมกันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพวกเขาหรือเราที่ผิด เด็กกำลังแบกรับสิ่งที่พวกเขาทำ หรือแท้จริงเป็นสิ่งที่เราทำทิ้งไว้กันแน่

สำหรับผมเห็นว่าคนรุ่นเราต้องรับผิดชอบสถานการณ์นี้ การแก้ปัญหาไม่มีอะไรดีไปกว่าเปิดใจรับฟัง ยอมรับและเข้าใจความเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของทุกสังคม

จับขัง ปราบปราม หรือกระทั่งฆ่า ยังไงก็ไม่จบ บิดเบือน ว่าร้ายให้กลายเป็นขบวนการโค่นล้มสถาบันก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ต้องเริ่มต้นด้วยเมตตา รูปธรรมแรกคือปล่อยทุกคนจากที่คุมขังทันที การใช้มาตรา 112 ดำเนินคดีจนเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมในแง่มุมต่างๆ ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ทุกสถาบัน

อย่าได้กังวลหรือหวาดระแวง ผมมาดี ต้องการเพียงให้สถานการณ์นี้คลี่คลายลงด้วยสันติ ความเปลี่ยนแปลงถ้าจะเกิดขึ้นเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้สังคมไทยเคลื่อนไปข้างหน้า ทุกคนทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันโดยไม่ต้องโค่นล้มทำลายกันและกัน

ผมไม่ได้หลับหูหลับตาเข้าข้างนักเรียน นักศึกษา แนวคิด แนวทางการต่อสู้บางอย่างก็เฝ้ามองด้วยความห่วงใย แต่ผมเคารพการต่อสู้ของพวกเขา เชื่อว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงจะทำให้เราเห็นข้อสรุปและพัฒนาการในแต่ละก้าวนับจากนี้

คนกลุ่มนี้ไม่ใช่พวกไร้ความคิด แต่เป็นนักคิด นักฝัน นักสู้ ที่จะเติบโตเป็นบุคลากรคุณภาพในอนาคตอันใกล้

ถ้าเราเด็ดปีกนกตั้งแต่เริ่มหัดบิน เราจะเห็นความงามของฝูงนกที่เหินร่อนบนท้องฟ้าได้อย่างไร

สังคมไทยหวังพึ่งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไม่ได้หรอก คนหนุ่มสาววัย 20 ปีวันนี้ต่างหากจะเป็นที่พึ่งของบ้านเมืองต่อไป