ด่วน! จำคุก เสก โลโซ 2ปี 18 เดือน คดีเสพไอซ์ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา ส่งเข้าเรือนจำทันที

ศาลฎีกา ไม่รับพิจารณาคดี เสก โลโซ เสพไอซ์ ลงโทษจำคุกไม่รอลงอาญาตามพิพากษาศาลอุทธรณ์ 2 ปี 18 เดือน หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2561

วันที่ 25 มีนาคม 2564 เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลอาญามีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ ศาลนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีดำ อ.1662/61 ที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ อายุ 47 ปี ร็อกเกอร์ชื่อดัง เป็นจำเลย ฐานเสพยาเสพติดฯ (ไอซ์) โดยฝ่าฝืนกฎหมายและข้อหาอื่น เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค.2561

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำคุกตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 1 ปี รับสารภาพลดโทษเหลือ 6 เดือน ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และฐานเสพยาฯ จำคุกอีก 6 เดือน รวมจำคุกคดีนี้ทั้งสิ้นเป็นเวลา 1 ปี 18 เดือน และให้บวกโทษของศาลอาญาคดีทำร้ายร่างกายสาวคนสนิทของอดีตภรรยาอีก 1 ปี 3 เดือน เป็นจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 21 เดือนโดยศาลไม่รอการลงโทษ เเม้ว่าจำเลยอ้างป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ขณะกระทำผิด

เนื่องจากเห็นว่าจากพฤติการณ์การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ พบว่าจำเลยรู้ผิดชอบดี จึงไม่อาจอ้างภาวะป่วยดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยนั้นไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งศาลเคยให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีในการรอลงอาญาคดีอื่นไว้แล้วแต่จำเลยยังมากระทำผิดซ้ำในช่วงเวลารอลงอาญาอีก จึงไม่สมควรให้รอลงอาญาและให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย

จากนั้นศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่าฐานมีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มี และใช้ตามกฎหมาย และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำคุก 5 เดือนลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือนเมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือนที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ อ3705/2559 ของศาลอาญาเ ข้ากับโทษของจำเลย ในคดีนี้เป็นจำคุก 2 ปี 18 เดือน ยกคำขอให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 971/2561 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช

เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีต้องห้ามไม่ให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่คู่ความสามารถฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ หากผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณา หรือลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221

เมื่อจำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกา ศาลอาญามีนบุรีดำเนินการส่งสำนวนให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาเพื่อพิจารณาอนุญาตให้จำเลยฎีกาแล้ว ปรากฏว่าผู้พิพากษาทั้งหมดพิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดจึงไม่อนุญาตให้ฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงศาลอาญามีนบุรีจึงอ่านคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกาให้จำเลยฟังและมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย ดังนั้นจำเลยจึงต้องรับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์